November 19, 2009

เปิดซิงน้องชายตัวเอง 1-7

บทที่ 1 วัยเยาว์
สวัสดี ครับหลังจากอ่านเรื่องของคนอื่นมามาก วันนี้จะลองเล่าเรื่องของตัวเองดูบ้าง ปกติ แล้วผมเป็นลูกคนเดียวแต่มีลูกพี่ลูกน้องหลายคน ส่วนมากเป็นผู้หญิง จะมีผู้ชายก็เป็นลูกของอาคนเล็ก สมมติว่าชื่อนาวก็แล้วกัน ตอนเด็กๆผมจำได้ว่าไอ้นาวมันดื้อและซนมาก ผมจะรู้สึกหมั่นไส้มันเป็นที่สุด รำคาญก็รำคาญ จนกระทั่งมันโตขึ้นมาหน่อย(ประมาณม.1)ผมก็รู้สึกว่ามันเริ่มพูดง่ายขึ้นมา หน่อย ตอนนั้นผมก็เริ่มเข้ามหาวิทยาลัยพอดี เวลากลับมาบ้านก็ได้เจอมันบ่อย ด้วยความที่ยังเห็นว่ามันเป็นเด็กอยู่ก็เลยชอบจับมันแก้ผ้าเล่น มันเองก็ไม่ว่าอะไรออกจะขำๆด้วยซ้ำไป แต่วันหนึ่งที่จับมันแก้ผ้าผมเริ่มเห็นถึงความผิดปกติตรงที่มันเริ่มมีขนหมอ อ้อยอ่อนๆขึ้นมาหน่อยๆแล้วอ่ะครับ (มิน่าช่วงหลังๆไม่ค่อยอยากให้จับแก้ผ้า)เรื่องมันก็เลยเริ่มต้นมาตั้งแต่ นั้นเป็นต้นมา
"นาว มีขนขึ้นนานยังอ่ะ" ผมถามมัน "ก็สักพักหนึ่งได้แล้วอ่ะพี่" นาวมันตอบซื่อๆ แล้วเคยคุยกับเพื่อนบ้างป่าวอ่ะ" ที่ถามก็เพราะตอนเด็กๆตอนที่เพื่อนผมขนขึ้นกัน มันมาคุยกันตลอด บางคนถึงขนาดไปซื้อยาปลูกขนเพื่อให้ขนมันขึ้นทันเพื่อนเลยคิดดูละกัน "ก็ไม่อ่ะ ทำมายเหรอ" ไอ้นาวแม่งโกหกชัดๆ ตอนตอบมันหลบตาเห็นๆเลย โธ่แบบนี้มันจะไปเหลือเหรอ กูกินข้าวนะเว้ยไม่ได้กินหญ้า "เหรอ งั้นพี่ขอดูหน่อยดิ จะดูว่าโตขนาดไหน" พูดเสร็จไม่เปิดโอกาสให้มันปัดป้องครับ แล้วก็เอามือไปจับหนอนน้อยของมันทันที (หนอนน้อยจริงๆเพราะมันยังเด็กอยู่)แต่ว่าพอโดนมือเข้าไปหน่อยมันก็แข็งสู้ มือเลยครับ ยังเล็กอยู่เลยหัวก็ยังไม่เปิด ด้วยความสงสัยว่ามันจะรูดได้สุดรึยังก็จับมันรูดดู ปรากกฏก็เปิดได้หมดนะครับ พอเอามือออกหนังหุ้มก็ปิดเหมือนเดิม แต่พอรูดไปรูดมาชักสนุก ก็เลยนั่งกลายเป็นว่าใช้มือชักว่าวให้มันอยู่นาน จนกระทั่ง....
"พี่อามพอแล้ว นาวจั๊กจี้” (แต่ผมว่ามันเสียวมากกว่า เพียงแต่เด็กมันไม่รู้ว่าความเสียวเป็นยังไง)
"แล้วมันดีรึเปล่าล่ะ"ตอนนี้เริ่มสนุกหน้ามืด
"ไม่ รู้อ่ะ บอกไม่ถูก" นาวตอบจากนั้นผมก็ชักว่าวให้มันอยู่นาน มันก็ร้องให้ผมปล่อยตั้งนานแล้ว ผมก็ไม่สนแล้ว ตอนนั้นมันยังเด็กก็เลยเอามือจับแล้วกดมือน้อยของมันทั้งสองข้างไว้อย่าง แน่น มืออีกข้างก็จับมันสาวว่าวซะจนดิ้นไปดิ้นมาเหมือนกุ้งโดนต้ม จริงๆผมกำลังจะปล่อยแล้วครับแต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน
"โอ้ย พี่อามนาวน้ำแตกแล้ว"นาวมันร้องออกมา
"เฮ้ย จริงดิ"ตอนแรกผมไม่สังเกตเพราะหลับหูหลับตาสาวว่าวให้มันอย่างเดียว ไม่คิดว่าตัวมันแค่นี้จะมีน้ำแตกกับเขาแล้ว น้ำมันยังเป็นเมือกใสๆอยู่เลยครับ พอผมปล่อยมือจากมันปุ๊บมันรีบวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำทันที ผมนี่ใจหายวาบเลยครับ มันจะฟ้องแม่กับพ่อมันมั้ยเนี่ย ยิ่งเป็นทหารทั้งคู่เลยด้วยตายแน่เลยกู
เสร็จ จากตรงนั้นผมก็ได้แต่นั่ง กระวนกระวายใจ เหมือนว่าทำความผิดแล้วกลัวโดนจับได้ แป็บนึงไอ้นาวก็เข้ามาในห้องตามเดิมครับ ผมก็เลยถามนาวว่า
"เป็นไงบ้างอ่ะ" ผมก็ถามไปด้วยความแก้ขัดเขิน
"ก็ไม่รู้ดิ จั๊กจี้ดีมั้ง" ไอ้นาวตอบไปก็ครุ่นคิด แล้วซัดไปอีกคำถามว่า
"พี่ อามแล้วไอ้น้ำใสๆเนี่ยมันคืออะไรอ่ะ" ไอ้นาวก็ถามด้วยความสงสัย พอจบคำถามนี่ผมก็เลยเปิดคอร์สเพศศึกษาเลยครับ ทำเป็นวิชาการกับเด็กสุดฤทธิ์ ก็คุยกันหลักๆเกี่ยวกับเรื่อง Sperm ของผู้ชายนี่แหละครับ (จะได้อ้างกับมันได้ว่าเนี่ยกำลังเรียนรู้เรื่องเด็กที่จะเข้าวัยรุ่นเลยนะ )แต่พอตอบไปแล้วผมก็งงกับมันตรงที่ว่า
"เออพี่อามจริงๆนาวก็พอรู้แหละ" ไอ้นาวมันบอกหน้าตาเฉย
"อ้าวแล้วจะถามทำไมว่ะ" ผมงง
"คือพึ่งรู้ว่ามันออกมาจากที่จู๋ได้อ่ะ" โอ้ยประเทศไทย ก็สอนเพศศึกษากันไม่ครบถ้วนแบบนี้ มันเลยมีปัญหาตามมามากแบบนี้แหละ
"วัน หลังอย่าแกล้งนาวอีกนะ ไม่งั้นจะฟ้องแม่" ไอ้นาวพูดเสร็จก็ยิ้มท้าทายผมซะงั้น แต่ว่าผมไม่กลัวมันหรอกจะบอกให้ ฮ่าๆๆ ผมก็เลยทำหน้ากวนๆใส่มัน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แกล้ง อิอิ
หลัง จากวัน นั้นเนี่ย ผมก็ชอบจับมันแก้ผ้ามาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อดูว่ายังโตขึ้นอีกเท่าไหร่ แรกๆก็ยังไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ แต่หลังๆเนี่ยเหมือนแกล้งมันแล้วไม่เร้าใจเท่าไหร่ก็เลยหาวิธีที่ทำให้ รู้สึกตื่นเต้นมาก แบบว่าไม่ต้องอยู่กันสองคนก็แกล้งให้มันแข็งจนแทบแตกได้
จะ ว่าไปแล้วเนี่ยน้องผมมันก็แปลกนะครับ เวลาแกล้งก็ขู่ว่าจะฟ้องแม่ตลอด เอาเข้าจริงมันไม่เคยทำซะที อย่างนี้มันชอบป่ะวะ หรือมันเกรงใจก็ไม่รู้ มาเข้าเรื่องกันต่อเลยนะครับ ตอนนี้พบให้ชื่อว่าโคนันทำเสียวก็แล้วกัน
หลัง จากนั้นผมก็ไม่ได้กลับ บ้านพักใหญ่ เพราะงานที่มหาลัยเยอะมาก พอกลับมาอีกทีก็พบว่ามันกำลังนอนดูหนังการ์ตูนโคนันกับอาอีกคนอยู่ครับ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เห็นว่ามันมีผ้าห่มคลุมด้วย แผนชั่วร้ายก็ผุดขึ้นทันที ก็อย่างที่รูกันนะครับว่า โคนันเนี่ยเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสืบสวน คนที่ดูต้องดูอย่างไม่ละสายตาไม่งั้นอาจพลาดจุดสำคัญ ผมก็เอาเลยครับ ทำเป็นไปเนียนนั่งข้างไอ้นาวแรกๆไม่มีอะไร ผ่านไปสักพักไอ้นาวมันนอนชันเข่าสองข้างขึ้นมาโดยที่มีผ้าคลุมคลุมอยู่ด้วย ไอ้นาวเอ้ยเสร็จกูแน่ เพราะว่าไอ้นี่เวลาอยู่บ้านไม่ชอบนุ่งลิงด้วย แล้วนึกออกมั้ยครับว่าเวลานั่งเข่าแล้วมีผ้าห่มอยู่ข้างบนอีกที ถ้าเราเอามือล้วงเข้าไป มันจะเหมือนไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ถ้าเอาขาวางราบเวลาล้วงอะไรไปใต้ผ้าห่มมันจะดูรู้ทันที ผมไม่รอช้ารีบฉวยใอกาสเข้าไปเล่นนอนน้อยมันทันที มันก็มองหน้าผมประมาณว่าเฮ้ยเอามือออกเดี๋ยวนี้ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ครับ ตาดูหนัง มือก็รูดขึ้นรูดลงหนอนน้อยมันอยู่นั่นแหละ แปลกตรงที่ว่ามันไม่โวยวายเลย อาผมก็ไม่ได้เห็นเลยเพราะตามัวมองแต่การ์ตูน ผมก็เล่นใหญ่แล้วแอบหันมามองมันทีหน้านึง โอ้โหหน้าแบบว่าดูการ์ตูนไปก็ซี้ดส์ไป ตอนนั้นผมไม่ได้ทำเร็วนะครับ ทำแบบว่า "ช้าๆแต่เน้นๆ" ใช้นิ้วไปคลึงตรงหัวหนอนน้อยซะจนมันดิ้นเล็กๆเหมือนมันไม่กล้าดิ้นมากเพราะ อายอา จัดการรูดขึ้นรูดลงซักพัก มันก็เอามือมาจับที่แขนผม บอกว่าพอแล้ว (มันพูดออกมาแบบไม่ส่งเสียงนะครับแต่ผมอ่านปากมันออก เออมันก็ฉลาดนี่น่า) และรู้สึกว่าหนอนน้อยมันเริ่มมีการกระตุก ก็เลยเอามือไปบีบตรงกลางหนอนน้อยมัน เดี๋ยวมันเลอะจะเป็นเรื่อง โอ๊ยท่านผู้อ่านผมตื่นเต้นเหมือนคนหัวใจจะวาย ตื่นเต้นกว่าไปนั่งรถไฟเหาะที่ดรีมเวิร์ลอีก

บทที่ 2 ความคะนอง
หลัง จากนั้นนะครับผมก็เหมือนว่าตัวเองเสพติดความสนุกแบบนี่ครับก็เลยหาโอกาว แกล้งมันเรื่อยมา แล้วเวลาก็ผ่านไปประมาณสองปีครับ เชื่อมั้ยครับไอ้นาวมันโตเร็วมากเพราะมันเป็นนักเทนนิสครับ แบบว่าตัวมันทั้งสูง ทั้งใหญ่กว่าพ่อมันอีก (ให้ข้อมูลเพิ่มนิดเคยเห็นจู๋พ่อมันด้วยโดยบังเอิญแบบว่าเห็นแล้วช็อคอะครับ แบบว่าใหญ่มาก ขนาดว่าเป็นช่วงปกติก็เจ็ดเกือบแปดนิ้วไปแล้วครับ แถมอวบมากประมาณไส้กรอกบิ๊กไบท์มันรวมกันสามอันอ่ะครับตอนนั้นยังคิดเลยว่า มันจะได้เชื้อพ่อมันขนาดไหนเนี่ย) เนื้อมันก็แน่นปั๊กเหมือนเด็กกำลังโตอะครับ โคนขาใหญ่ ขายาว (อันนี้ผมเสียวเพราะเดี๋ยวถูกมันถีบตกเตียงเอา) อีกอย่างเห็นว่ามันเริ่มโตแล้วก็เลยไม่อยากยุ่งกับมันทีนี้เนี่ยเหมือนจะไม่ มีอะไรเกิดขึ้นแต่มันก็เกิดจนได้ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าผมนอนเล่นอยู่กับมันในห้องอยู่มันก็ดันบอกว่า
"พี่อามนวดขาให้นาวหน่อยดิ เมื่อยอ่ะ"
"เรื่องอะไรวะ ก็ให้พ่อแกนวดให้ดิ" ผมแบบว่านวดใครไม่เป็นครับ
"น่านะนะ นวดหน่อยดิ ทีแกล้งละแกล้งได้แกล้งเอา" มันมามุขนี้ผมก็อึ้งดิครับ
ก็ เลยคิดว่าเออแกล้งมันมามากก็สงเคราะห์มันหน่อยละกัน ก็เลยไปบีบนวดที่น่องมันก่อน โอ้ยพราะเจ้าแน่นชิบหาย พอนวดขึ้นมาเรื่อยๆถึงต้นขาแบบว่าไม่ไหวแล้วผมอารมณ์กระเจิดกระเจิงไปหมดเลย ก็เลยแกล้งไปนวดก้นมันดู โหแบบว่าเนื้อนี่เป็นก้อน พอสักพักผมก็เลยแกล้งถลกกางเกงมันลงมา (ตอนนั้นมันนอนคว่ำครับ) ก็เลยเห็นถึงก้นกลมๆสองลูกของมัน แต่ไม่ขาวเหมือนซาลาเปานะครับเหมือนสีเก๋าลัดมากกว่า อิอิ เด็กอะไรไม่รู้ก้นโคตรด้านอ่ะ แล้วมันก็ยังไม่หลับนะครับ พยายามบีบก้นมันหลายทีมันก็ไม่ด่า จนที่สุดผมเบื่อก็เลยใส่กางเกงให้มันเหมือนเดิม แต่ว่ามันหลับครับแล้วก็นอนหงายขึ้นมา โอ๊ยตรงนี่แหละครับแบบว่าเด็ดมาก คือผมใจเต้นตูมตามมากขนาดช่วยตัวเองยังไม่เป็นขนาดนี่เลยนะ เลยเข้าใจเลยว่าอาการเวลาคนเราหน้ามืดมันเป็นยังไง และตรงนี่เองที่ทำให้ผมเห็นถึงป่าอะเมซอนของมันจากที่เป็นป่าละเมาะ และจากหนอนน้อยที่เป็นเสากระโดงของมัน
หลัง จากที่ไอ้นาวมันนอนหงายขึ้น มาแล้ว ผมก็เหมือนอารมณ์ต่อเนื่องก็เลยจัดการปลดกางเกงมันอีกครั้ง เป้ามันก็อวบนูนใต้กางเกงใน ผมไม่รอช้ารีบดึงกางเกงในมันลงมา โอ้โหมันไม่ใช่หนอนน้อยแล้วครับ เพราะขนาดมันนิ่งอยู่ๆก็เกือบๆหกนิ้ว คิดดูว่าเด็กมันอายุไม่เยอะเลยยังใหญ่ขนาดนี้ สงสัยพอโตจะใหญ่กว่าของพ่อมันอีกนะเนี่ย ผมไม่รอช้าเอามือไปจับแล้วรูดขึ้นรูดลงแค่ไม่ถึงนาทีจู๋มันก็แข็งสู้มือผม ขึ้นมาเป็นเสากระโดงเรือน้อยๆเลยครับ แล้วหัวมันก็เปิดอย่างเต็มที่ ผมก็คิดว่าทำไมมันเปิดหัวได้เร็ว ก็ไม่ใช่ใครอื่นหรอกก็เพราะผมนี่แหละที่จับมันรูดขึ้นรูดลงมาตั้งแต่เด็ก หัวมันก็ชมพูดี ท่อนลำมันก็ออกคล้ำหน่อย ผมก็จับมันชักมันไปเรื่อยๆ มันไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยครับเพราะมันนอนอ้าปากหวอ แล้วเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ผมนอนลงข้างๆมันแล้วกะให้มือมันพอดีกับเป้า ผม ผมรีบถอดกางเกงและกางเกงในตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมนอนทางซ้ายของมัน ผมเอามือข้างขวาผมไปจับควยมัน (ตอนนี้เรียกจู๋ไม่ได้แล้วครับเพราะมันใหญ่)แล้วก็เอามือซ้ายมันมาจับควยผม มือตอนนี้ใหญ่กว่ามือผมซะอีก พอให้มันจับมือมันก็จับได้นะครับแต่แบบหลวมๆไม่ได้กำแน่นเหมือนมันไม่รู้ตัว โอ๊ยตอนนี้มันตื่นเต้นไปหมดเลยครับ เหมือนหัวใจจะวาย ผมรู้สึกว่าหน้ามันร้อนไปหมด เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ผมเอามือข้างขวาจับควยมันรูดขึ้นลง แล้วก็เอามือซ้ายมาประคองมือไอ้นาวที่จับควยผมไว้แล้วก็จับชักขึ้นชักลง แม้ว่ามันจะหลวมๆแต่ก็รูดได้ โอ๊ยมันเสียวซ่านไปหมด ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยครับ มันเสียวจริงๆจากนั้นผมก็ใส่ใหญ่เลยครับ สุดท้ายผมก็น้ำแตกก่อน เหมือนว่าผมจะถึงจุดสุดยอดแบบสุดๆ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองกระตุกไปหมด เสียวซ่านไปเป็นเวลานาน น้ำก็พุ่งออกมาอย่างมากมายไปหมด ผมกลัวว่าถ้าเปียกๆแบบนี้มันจะรู้ตัวก็เลยต้องหยุดรูดให้มันก่อนแล้วเอา ทิชชู่มาซับน้ำตัวเองให้แห้ง ก่อนจะพักเหนื่อยก่อน จากนั้นผมก็สำรวจเรือนร่างมัน เลิกเสื้อมันขึ้นไปถึงคอ กล้ามมันแน่นไปหมด นมก็แตกพานสวยงาม ผมเอานิ้วทั้งห้าลูบไปทั่วร่างกายมัน จนมันละเมอเสียงครางออกมา ผมรู้สึกเสียวไปด้วยเลยทีเดียว เอานิ้วไปเขี่ยหัวนมมันอย่างสนุกนาน จนตอนนั้นเหมือนว่าผมอยู่ในอารมณ์เสียวซ่านไม่รู้เรื่องอะไรเลยนอกจากความ เสียวกระสัน
ผม ลืมเล่าไปอย่างหนึ่งเรื่องป่าอะเมซอนของมัน จากที่ขนมันขึ้นเป็นทุ่งหญ้าอ่อนๆผ่านไปแค่ไม่นาน ขนมันขึ้นดกดำไปหมดตั้งแต่หมออ้อยที่มีมากมาย แม้กระทั่งไข่ทั้งสองใบก็ยังมีขนขึ้นมากมาย ปกติผมไม่ค่อยเห็นคนไทยมีขนขึ้นที่ไข่หรอก ถ้ามีก็ขึ้นน้อยส่วนมากจะเป็นฝรั่งมากกว่า แต่ว่าไอ้นี่มันขึ้นเยอะมากชวนให้ผมคิดถึงเงาะถ้าใครเคยกินเงาะก็จะรู้ว่า เป็นผลไม้ที่มีขนเต็มไปหมดแต่เงาะเป็นขนสีแดงแต่อันนี้เป็นขนสีดำ เป็นไข่เงาะดำครับ หลังจากที่ผมเสียวซ่านสุดๆผมก็เริ่มดำเนินการเอาทิชชู่มาเตรียมไว้ให้พร้อม แล้วผมก็เอาลิ้นไปแลบเลียที่หัวนมทั้งสองข้าง พร้อมกับจับมันชักว่าวไปด้วย ผมเอามือข้างหนึ่งของมันให้นอนช้อนไว้ใต้ศีรษะ แล้วอีกข้างก็ให้มันไปจับหมอนเอาไว้ จะได้ไม่เอามือปัดป่ายมาให้เสียเรื่องในเวลาสำคัญเช่นนี้ แม้ว่ามันจะหลับตาพริ้มแต่ก็ได้ยินเสียงครวญคราง ผมเองขนาดไม่ได้จับชักของตัวเองก็เสียวมากเหมือนจะแตกตามไปด้วย ผมจับมันชักว่าวมันไปได้ไม่นาน มันก็แตกออกมาแบบทะลักทลาย มันออกมาเป็นน้ำพุมากมายสาดไปทั่วตัวมัน แต่กลิ่นมันไม่คาวอะครับกลิ่นเหมือนใบเตยเหมือนสมัยที่ผมน้ำแตกตอนแรกๆเลย แต่รสชาติเป็นอย่างไรไม่รู้นะครับเพราะไม่กล้าชิม ผมรีบเอาทิชชู่มาเช็ดอย่างเร็ว น้ำมันเยอะขนาดที่ทิชชู่ที่เตรียมไว้เปียกชุ่มไปหมดแทบจะเช็ดไม่หมด ผมนอนแผ่หลาด้วยความเสียวซ่านและแทบจะหมดแรงไปในคราวเดียวกัน
หลัง จาก วันนั้นแล้วเมื่อกลับมาอยู่ที่หอของมหาวิทยาลัย ตอนที่ช่วยตัวเองเวลาที่นึกเรื่องเสียวอะไรไม่ออก ผมก็มักจะนึกถึงเรื่องตอนเรื่องเสากระโดงไอ้นาวบ่อยมาก และสุดท้ายก็น้ำแตกทุกครั้งไป จนในบางครั้งรู้สึกผิดเพราะยังไงมันก็น้องเรา แม้ว่าจะไม่ใช่น้องแท้ก็ตาม ด้วยเหตุนี้ผมก็ไม่คิดว่าจะให้มันเสียเอกราชทางประตูหลังให้กับผมหรอกนะครับ เพราะเอาแค่รู้สึกสนุกๆกับมันก็พอ อีกอย่างก็แค่อยากลองมากกว่า เพราะผมเองแม้ไม่ได้ปิดตัวเองแต่ก็ไม่เคยได้กินใครมาก่อน เลยรู้สึกว่าเก็บกดอยู่เหมือนกัน ดังนั้นแม้ว่าจะรู้สึกผิดอีกใจก็รูสึกขอบใจมันไม่ให้ผมต้องรู้สึกเก็บกด อารมณ์เพศของตัวเองมากเกินไป

บทที่ 3 จุดเปลี่ยน
จน กระทั่งถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ครับ พอผมกลับบ้านก็มีคนมาฉลองที่บ้านมากมาย ทั้งที่เป็นญาติสนิท ญาติห่างๆเพื่อนของบรรดาอาๆทั้งหลาย บางคนเป็นใครมาจากไหนผมยังจำไม่ได้เลยครับ ทำให้ช่วงนั้นมีคนมานอนพักที่บ้านเยอะมาก แล้วผมก็เลือกนอนห้องเดียวกับไอ้นาวและบรรดาเพื่อนๆอาทั้งหลาย จริงๆพอไม่เจอกับไอ้นาวนานก็ไม่ได้มีความอยากอะไรมากนะครับ แต่พอมานอนกับมันก็เกิดการอยากแกล้งมันอีกแล้ว เท่านั้นแหละครับผมก็เริ่มมีแผนในทันที คืนขึ้นปีใหม่หลังจากที่ทุกคนหลับสนิทกันหมดแล้ว(ฉลองกันจนเหนื่อย) ท่ามกลางแสงสลัวในห้องที่ผมนอนกับไอ้นาวและบรรดาคนอื่นอย่างที่บอกไปแล้ว ผมเริ่มทดสอบไอ้นาวว่ามันหลับสนิทจริงหรือไม่ เมื่อแน่ใจว่ามันหลับเป็นตาย ผมก็เริ่มเอามือของผมไปจับของมันจนมันเริ่มแข็ง ไอ้นาวเนี่ยคือมันเหมือนเด็กที่ยังไม่โตอะครับ กางเกงที่มันใส่ก็เป็นกางเกงก่อนที่จะเข้าวัยรุ่น กางเกงตัวมันก็เลยเล็กมาก พอเสากระโดงมันแข็ง หัวควยมันก็โผล่พ้นขอบกางเกงมาทันทีไม่ใช่เฉพาะแค่หัวนะครับ มีท่อนลำโผล่มาอีกครึ่ง ผมอดใจไม่ไหวรีบเอาเอามือซ้ายไปจับของมันชักแล้วก็เขี่ยหัวควยมันเล่นด้วย มันก็ดิ้นไปมา พยายามเอามือเอามือมันมาปัดป่าย ผมก็เลยเอาหมอนใบใหญ่ๆมาทับมือมันเอาไว้ มือขวาของผมก็จับของตัวเองรูดไป ทำไปทำมาผมแตกก่อนมันซะอีก แล้วต้องปล่อยให้มันแฉะไปอย่างนั้นเพราะไม่มีอะไรจะเช็ด แล้วไม่นานมันก็พุ่งพรวดตามมา น้ำมันเยอะซะจนผมต้องเอาส่วนที่เปื้อนมือผมมาป้ายตามตัวมัน จากนั้นผมก็รีบทำเป็นหลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านไปเวลาประมาณสิบนาที ไอ้นาวมันก็ตื่นขึ้นมา ผมก็ใจเต้นไปหมดกลัวว่ามันจะจับได้ มันพึมพำออกมาว่า
"ไม่ น่าเชื่อเลย "แล้วก็รีบลุกออกไปห้องน้ำ พอมันกลับเข้ามาผมแอบเห็นว่ามันเอากางเกงตัวใหม่เข้ามาในห้องแล้วก็เปลี่ยน กางเกงตัวเก่า พร้อมกับเอากางเกงตัวเก่านั้นแหละไปซ่อนอยู่ในตะกร้าซักผ้า โดยเอาเสื้อผ้าที่จะซักตัวอื่นวางทับไว้ข้างบนแล้วกลับมานอนต่อ พอตื่น(สาย)ขึ้นมาแล้ว ไอ้นาวมันตื่นก่อนผมนิดนึง ผมทำเป็นแกล้งสังเกตว่า
"อ้าว ทำไมเสื้อตัวเดิมแล้วใส่กางเกงตัวใหม่ทำไมอ่ะ น้ำก็ยังไม่อาบซักหน่อย" ผมแกล้งพูด ทันใดนั้นไอ้นาวมันก็เอามือมาปิดปากผมเลยครับ แล้วก็มากระซิบข้างหูว่า
"อย่าพูดเสียงดังดิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน"
"อ้าวแล้วทำไมต้องเปลี่ยนกางเกงด้วยอ่ะ" ผมก็ถามต่อ โดยทำหน้าเป็นสงสัย
"ก็เมื่อคืนอ่ะดิ ไม่รู้ฝันเปียกได้ไง ฝันเรื่องอย่างว่าก็ไม่ได้ฝัน ตื่นมาก็เปียกไปหมดเลย" มันพูดอายๆ
"อ้อ เหรอ งั้นนาวก็เป็นหนุ่มแล้วดิ อิอิ ไหนให้พี่พิสูจน์ดิ"ผมก็แกล้งแหย่ แล้วก็เอามือจะไปถอดกางเกงมัน บังเอิญว่าไปโดนเสากระโดงมันหน่อยเดียว มันแข็งขึ้นมาเลย
"เฮ้ย โดนแค่นี้แข็งเลยเหรอวะ"ผมก็แอบตกใจว่ามันไวจัง
"อืม เนี่ยก็เลยว่าจะปรึกษาหน่อย"ไอ้นาวก็กระซิบ
"เรื่องอะไรล่ะ"ผมทำเป็นงง
"เอาเป็นว่าเดี๋ยวเย็นนี้ไปที่ศาลาท้ายสวนกันมั้ย คนอื่นจะได้ไม่เห็น"ไอ้นาวทำหน้าอ้อนวอน
"เออๆก็ได้" นี่แหละครับจะทำให้ผมเจอกับเรื่องที่คาดไม่ถึงในเวลาต่อมา
หลัง จากที่นัดกันที่ศาลาท้ายสวน เราสองคนก็แอบไปตามนัดกันครับ โดยที่ไปช่วงเย็นๆแล้วเวลานั้นพวกผู้ใหญ่เขามัวแต่นั่งสังสรรค์กันเลยไม่ได้ มาสนใจอะไรเราสองคนกันมาก อีกอย่างศาลาท้ายสวนเป็นอะไรที่ลึกลับมาก มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรกไปหมด ซึ่งเป็นที่กำบังอย่างดีและทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากมาเพราะกลัวถูกงูกัดจากการ ที่ต้นไม้ขึ้นรกไปหมด เมื่อมาถึงที่แล้วผมก็เปิดประเด็น
"เอานาวมีอะไรก็ว่า" ผมยิงคำถามตรงขี้เกียจอ้อมไปมา
จาก นั้นไอ้นาวมันก็ปรึกษาหลายเรื่อง ตั้งแต่ทำไมควยมันแข็งบ่อยๆแค่โดนไปหน่อยเดียวก็แข็งแล้ว ผมก็ตอบไปประมาณว่าเข้าวัยรุ่นใหม่ๆก็งี้แหละ ร่างกายมันตื่นตัวง่าย และสารพัดปัญหาเกี่ยวกับเพศศึกษานู่นนั่นนี่เยอะมาก พอตอบไปเหมือนสำนึกมันเริ่มเกิดครับเพราะรู้สึกว่ามันเริ่มโตแล้วก็ไม่อยาก แกล้งมัน เพราะถ้าอีกหน่อยเกิดมันรู้ตัวกลัวว่าจะเป็นปมในจิตใจมันแล้วจะเป็นปัญหาใน ชีวิตมันต่อไปอีก ก็เลยว่าจะไม่แกล้งมันต่อแล้วครับ แต่ว่าเหมือนจะเป็นกรรมเพราะที่สุดแล้วก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ
"เฮ้ยพี่อาม นาวมีอะไรจะให้ดูหน่อยอ่ะ" นาวพูดเบาๆเหมือนว่ามันดูลึกลับมาก
"อะไร วะ" ผมก็งง(อันนี้งงจริงครับ) แล้วมันก็ยืนขึ้น พร้อมๆกับถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงในลงไปกองกับพื้น ผมถึงกับตะลึง แล้วมันก็พูดขึ้นมา
"พี่อาม ช่วยดูน้องนาวให้หน่อยดิมันแปลกๆไปอ่ะ" ตอนนี้ผมเริ่มหน้าซีดแล้วครับ
"เออ มันแปลกยังไง มันก็ยังเหมือนเดิม ก็แค่ใหญ่กว่าเดิมเท่านั้นเอง" อันนี้ผมพูดแบบพยายามไม่มองควยมันเลยครับ
"ก็ นี่แหละ ตอนฉี่นาวไม่เห็นว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันมันก็ยังไม่ใหญ่เท่านาวเลยอ่ะ" แถมหนังหุ้มมันก็ยังไม่เปิดออกหมดแบบนี้ด้วยอ่ะ พูดไม่พูดเปล่ามันเล่นรูดไปรูดมาด้วยครับ ยิ่งรูดมันก็ยิ่งพองครับ โอ้ยผมอยากจะบ้าตายครับ
"อ้าว ไม่เห็นแปลกเลย ก็นาวเป็นนักกีฬาต้องโตเร็วอยู่แล้ว" ผมก็ให้เหตุผลครับ
"อ้าว พี่อามก็ว่ายน้ำ ทำไมไม่เห็นเหมือนนาวเลยอ่ะ" ผมลืมบอกไปครับว่าคือว่า ตอนนี้ไอ้นาวมันตัวใหญ่กว่าผม สูงกว่าผมไปแล้วครับ เหลืออย่างเดียวคือควยครับที่ของผมยังใหญ่กว่าของมันอยู่ แต่ผมคิดว่าถ้ามันยิ่งโตอีกไม่นานคงแซงหน้าผมไปแล้วครับ
"พี่แค่ออกกำลังกายเฉยๆไม่ได้เป็นนักกีฬา"
"แล้ว ตอนนี้ของน้องพี่อามเป็นไงบ้างอ่ะ ผมขอดูหน่อยดิ" เฮ้ยผมตกใจมากตั้งตัวไม่ทัน มือมันไวมากเผลอไปเดี๋ยวมันดึงกางเกงพร้อมกางเกงในลงไปกองที่ขา แล้วมันก็เอามือมาจับของผมเล่นเหมือนเป็นของเล่นของมัน เล่นไปเล่นมามันก็แข็งครับ
"ไอ้นาว หยุดเดี๋ยวนี่นะเว้ย" ผมพยายามปรามมันครับ แล้วก็พยายามผลักมันออกไปจากตัวผม แต่ว่า...
"อย่า ดิ้นได้ป่ะ น้องพี่อามอยู่ในมือนาว ถ้าขัดขืนละก็ นาวจะบีบไข่พี่อามให้หน้าเขียวเลย" ฉิบหาย Mega Project เข้าเลยกู ผมก็เลยอยู่ในภาวะปฏิเสธไม่ได้ เลยต้องให้มันจับอยู่อย่างนั้น ผมก็รู้สึกเสียวมากแต่ร้องออกมาไม่ได้เพราะกลัวมันจะได้ใจ แล้วผมก็สังเกตว่าหน้ามันหื่นมากๆแบบไม่เคยเห็นมาก่อน
"นาว เล่นนานแล้วพอ ได้ยัง" ผมเริ่มหงุดหงิดครับ จริงๆก็เสียวนะครับ แต่ว่าไม่อยากทำกับน้องตัวเองแล้วครับ แล้วก็ไม่อยากน้ำแตกต่อหน้าน้องด้วยครับ
"ยังนาวอยากทำแบบในหนังแผ่นที่เคยดูมาก่อน" นาวหน้ามันหื่นเกินไปแล้วครับ
"หนังอะไรว่ะ"ผมสังหรณ์ใจ มันไม่ได้ตอบอะไรครับ แต่ว่ามันเอาปากมาครอบหัวควยผมทันที แล้วก็เอาลิ้นเลียเหมือนเลียไอติม
"เฮ้ย ทำเชี่ยอะไรเนี่ย ปล่อยนะเว้ย กูเป็นพี่มึงนะ" ผมโวยวายสุดเสียง
"เอา ดิ ร้องเสียงดังๆไปเลย จะได้มีใครมาเห็นเข้า อยากอายก็ร้องดังๆไปเลย" ไอ้นาวเอาปากออกมา แล้วก็พูดท้าทายผมครับ ผมอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก เพราะถ้ามีใครมาเห็นก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน ไอ้นาวพอเห็นผมเงียบมันก็โม๊คต่อเลย ผมไม่รู้ทำไงก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ด้วยความที่ผมยืนอยู่ก็เริ่มเมื่อย ก็เลยขอมันนั่งลง มันก็รอบคอบครับกลัวผมจะวิ่งหนี มันจับควยผมไว้แน่นเลย พอผมนั่งลงได้มันก็เริ่มโม๊คต่อทันที
หลัง จากที่ผมนั่งลงได้ ไอ้นาวก็ถอดเอากางเกงกับกางเกงในที่กองอยู่ที่เท้าออกไป แล้วโยนไปให้ไกลจากตัวผม เหมือนไม่ให้ผมหนีไปเอาได้ จากนั้นมันก็ตั้งหน้าตั้งตาทั้งดูดทั้งเลีย แรกๆผมบอกนาวว่าเจ็บเพราะโดนฟันมันครับ สักแป็บมันเหมือนเป็นงานขึ้น จนผมรู้สึกเสียวมากๆ ลิ้นมันก็แลบเลียหัวควยผมตลอด จนที่สุดผมก็ต้องครางออกมา จนผมรู้ว่าตัวเองกำลังจะถึงที่หมาย ผมไม่อยากจะน้ำแตกคาปากน้องชายตัวเอง ก็เลยเอามือไปจิกผมแล้วดึงศีรษะขึ้นมาให้มันเงยหน้าแล้วก็บอกมันว่า
"นาวอย่า ทำแบบนี้เลยนะ รู้มั้ยว่าแบบนี้มันผิด ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันไหนนาว" ผมรู้ครับว่าตอนก่อนผมผิดแต่ผมรู้แล้วก็เลยไม่อยากให้น้องผิดซ้ำ
"ทำไมอ่ะพี่อาม" นาวมันจ้องตาผมเขม็ง
"เรื่อง แบบนี้มันเกิดขึ้นระหว่างพี่น้องไม่ได้นะ เราจะทำเรื่องใต้สะดือแบบนี้กับพี่น้องตัวเองไม่ได้นะนาว" ตอนนี้เหมือนผมด่าตัวเอง ผมเริ่มน้ำตาคลอแล้วครับ
"เป็น พี่น้องกันซิดี ถ้าให้นาวไปทำแบบนี้กับคนอื่น นาวก็ไม่เอาหรอก พี่อามเป็นพี่ชายนาว นาวสนิทใจมากกว่า ตอนเด็กๆพี่อามยังชอบจับจู๋นาวบ่อยๆเลย" (แสดงว่ามันไม่เคยรู้ตัวเลยครับว่าพอมันเริ่มโตน้ำว่าวมันเคยแตกคามือผมไป แล้ว )
"มันไม่เหมือนกันนะ ตอนนั้นนาวยังเด็ก ตอนนี้นาวโตแล้วนะ นาวทำแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ นาวเป็นน้องพี่นะ"
"พี่อามเป็นพี่ก็ต้องยอมนาวดิ เป็นพี่ก็ต้องเสียสละให้น้อง" โอ้ย ดูมันให้เหตุผลดิ
"โว้ยมันไม่ใช่แบบนี้ สัดเอ้ย" ผมเริ่มอารมณ์เสีย ตอนนี้มันเผลอผมรีบผลักมันออกทันที แต่ว่า...
มัน ไวกว่าครับ มันคว้าไข่ผมเอาไว้แล้วบีบซะจนหน้าเขียว ผมถึงกับจุกถึงกับลงไปนอนกองเลยครับ หมดแรงขัดขืนโดยสิ้นเชิง ไอ้นาวไม่รอช้ารีบเข้ามาโม๊คต่อ จนผมเสียวรอบสอง ผมก็นอนครวญครางไปพร้อมกับความเจ็บปวด จนกระทั่ง...
"นาว พี่จะออกแล้วเอา ปากออกเดี๋ยวเลอะ” พูดแล้วมันก็ไม่ฟัง มันก้มหน้าก้มตาโม๊คจนกระทั่งผมน้ำแตกจนได้ ผมไม่รู้ว่ามันเยอะแค่ไหน เพราะไอ้นาวมันกลืนไปหมด แถมรีดเลียซะจนไม่เหลือหลอ
"พี่ อามน้ำหวานจัง เลย น้ำมันกินได้เหมือนในหนังแผ่นนั้นจริงๆด้วย (ช่วงบ่ายๆผมกินน้ำสัปปะรดของทิปโก้เข้าไปแก้วใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้น้ำตัวเองหวานเลยให้ตาย)
"นาวหนังแผ่นที่ว่าเอามาจากไหน"ผมเริ่มสงสัย
"ก็เอามาจากกระเป๋าพี่อามนั่นแหละ เห็นผู้ชายตี๋ๆสองคนทำอะไรกันแบบนี้นาวเลยอยากลองบ้าง สนุกดีออก" โอ๊ย ตายหะ กูพลาดไปตอนไหนวะ
"สะใจแล้วสิ พี่ไม่นึกเลยว่านาวจะทำกับพี่แบบนี้" ผมร้องไห้ฮือๆ
"ทำไม ต้องร้องไห้ด้วยอ่ะ แค่พี่น้องเล่นกันเอง" พูดเสร็จมันก็เอาตัวมาคร่อมผม แล้วเอามือปาดน้ำตา เสร็จแล้วก็ทำให้ผมช็อกต่อ โดยการหอมแก้ม เอาจมูกมาไซร้ที่ซอกคอ แล้วก็ลงท้ายด้วยการจูบครับ ผมก็เลยบอกว่า
"ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ผู้ชายเขาไม่ทำกันแบบนี้"ผมพยายามอธิบาย
"ทำไม จะไม่ได้ ตอนเด็กพี่อามชอบหอมแก้มนาวจะตาย ในหนังของพี่อามเขาก็ทำกัน ทำไมอามจะทำไม่ได้ล่ะ" โอ้ยน้องกูมันโตแต่ตัวใช่มั้ย เชี่ยเอ้ย ผมไม่อยากทำอะไรแล้วจัดแจงใส่เสื้อผ้า แล้วก็นั่งเงียบไม่อยากพูดกับมัน
"พี่ อามเป็นอะไรอ่ะ โกรธนาวใช่มั้ย นาวขอโทษนะ นาวแค่อยากลองเล่นดูเท่านั้นจริงๆ" พูดจบมันก็เข้ามากอด ผมก็เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก นั่งนิ่งๆให้มันกอด ผมยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปอีกเมื่อมันเข้ามากอด เพราะผมรู้เลยว่ามันไม่ได้กอดผมแบบพี่น้องแล้ว มันเข้ามากอดเหมือนแฟน มันแบบว่าเข้ามากอดทางด้านหน้าใช้มือสองข้างประสานกันแล้วโอบข้างหลังผมเอา ไว้ เอาก็เอาหน้ามาซุกไว้ที่ซอกคอด้านขวา แล้วก็จูบที่คอผมไปหนึ่งทีครับ ตอนนี้ผมแบบว่าหลุดโลกไปเลยครับ คือว่าตอนนี้อยากตายมากๆ
หลัง จากที่ ไอ้นาวมันมาซบผมอยู่นาน ผมเองเริ่มรู้สึกว่าต้องตั้งสติครับ เพราะยิ่งนานเรื่องมันจะยิ่งบานปลาย ผมสูดหายใจลึกๆแล้วก็ผลักตัวมันออกไป ยืนขึ้นอย่างมั่นคงแล้วรีบเดินออกไปจากที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด แล้วก็ต้องพยายามปั้นหน้าตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุดเพื่อไม่ให้ที่บ้านจับ ได้ ไอ้นาวมันรีบตามมา ผมรีบเดินไปโดยพยายามไม่มองมันเลย
วัน นั้นผมกะว่า จะรีบเก็บกระเป๋ากลับหอเลยครับ แต่ว่าผมลองไปโทรเช็คกับเพื่อนที่พักอยู่ด้วยกัน(อยู่กันสี่คน) มันยังไม่กลับกันมาสักคน กะว่าจะกลับกันพรุ่งนี้เช้า ผมก็เลยต้องอยู่บ้านต่อไป เพราะกลัวว่าอยู่คนเดียวแล้วจะประสาทเสียมากกว่าเก่า
อืม ผมยังไม่ได้ บอกว่าบ้านที่กรุงเทพเนี่ยไม่ได้เป็นบ้านผมนะครับ แต่เป็นบ้านทางญาติคุณพ่อที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ บ้านผมจริงๆอยู่ต่างจังหวัด ใบ้ให้หน่อยละกันว่าอยู่เกือบใต้สุดแดนสยามและเวลาผมมาอยู่ที่นี่ที่ไหร่ ผมก็ต้องนอนกับไอ้นาวตลอดเพราะไม่มีห้องส่วนตัวของผม แล้วมันเป็นหลานชายคนเดียวของบ้านนี้เพราะลูกพี่ลูกน้องคนอื่นเขาเป็น ผู้หญิงกันหมดเลย และนี้คือปัญหาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะคืนนี้พวกญาติที่เขาอยู่บ้านอื่นและคนอื่นๆที่มาฉลองกัน เขากลับกันไปหมด ผมต้องนอนกับไอ้นาวสองคนถ้าเป็นสมัยก่อนคงไม่มีอะไรแต่ว่าตอนนี้มันไม่ เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วครับ
ผม พยายามคิดหลอกตัวเองว่ามันคงไม่มีอะไร หรอก เด็กกำลังเข้าวัยรุ่นอยู่คงอยากรู้อยากลอง แต่ว่าในคืนนั้นเหมือนผมกำลังถูกพระเจ้าลงโทษครับ หลังจากมื้ออาหารเย็นในวันนั้น ผมก็อาเจียนออกมาหมดเลยครับเหมือนร่างกายปฏิเสธอาหาร จากนั้นก็ไข้ขึ้นสูงอย่างหนัก ผมไม่ไหวเลยต้องขอตัวไปนอนก่อน พอเวลาผ่านไปสักพักผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องนอนเข้ามาครับ ก็คือไอ้นาวนั้นเองครับ ผมลืมตาดูขึ้นมานิดนึงด้วยความงงๆเห็นมันถืออะไรเข้ามาซักอย่าง ผมไม่อยากอยู่กับมันสองคนก็เลยพยายามลุกขึ้นมา
"พี่อามจะไปไหนอ่ะ"
"ร้อน จะไปอาบน้ำ" ผมก็พยายามลุกขึ้นมาแล้วเดินออกมาจากเตียง ไอ้นาวก็คว้าแขนผมไว้
"จะบ้าเหรอ ไข้ขึ้นขนาดนี้ ไปอาบน้ำก็ไข้กลับกันพอดี"
"ปล่อย พี่นะไอ้นาว" ผมสะบัดมือมันออก แต่ผมออกฤทธิ์ได้มานาน ก็เซแล้วหงายหลังลงไป ไอ้นาวมันมารับทันครับ แต่ตัวผมก็ไม่ใช่เบาๆก็เลยล้มทับกันไปก็กับพื้น
"เห็นมั้ย เดินยังไม่ได้เลยยังจะมาทำซ่าอีก"
"เฮ้ยนี่แกกล้าด่าพี่เลยเหรอว่ะ"
"ไม่ได้ด่า แค่พูดความจริง" ผมพึ่งเริ่มรู้สึกว่ามันกอดผมไว้แน่นมากเลย แต่ผมหมดแรงจะตอบโต้แล้วครับ
"แม่ ให้มาเช็ดตัว ถ้าไม่ดีขึ้นเดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล มาเดี๋ยวนาวจัดการให้" จากนั้นมันก็ลากผมขึ้นเตียง เสร็จแล้วมันก็จัดท่าให้ผมกึ่งนอนกึ่งนั่ง แล้วเอามือโอบจากด้านหลังถอดกระดุมเสื้อผมทีละเม็ด แต่ผมรู้สึกว่ามันเอามือลูบไล้ตามตัวผมด้วย พอถอดเสื้อเสร็จมันก็จับผมให้นอนลง จากนั้นก็มาถอดกางเกงผมต่อแล้วมันมาถอดกางเกงในผมด้วย ตอนนี้เหมือนโดนกรรมตามทันที่เคยจับมันแก้ผ้าครับ
"ทำเชี่ยอะไรเนี่ย"ผมพยายามโวยวายแต่ก็เป็นได้แค่เสียงบ่นเบาๆ
"อยู่ เฉยๆเหอะน่า ป่วยแล้วก็นอนนิ่งๆไปเลยไป"จากนั้นไอ้นาวมันก็เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามตัวผม แต่ว่ามันไม่ได้เช็ดอย่างเดียวครับ มันเอาเอามือมาลูบไล้ตามเนื้อตัวผมอย่างเบามือ แล้วมันก็ไม่หยุดแค่นั้นมันก็ฉวยโอกาสมาไซร้ซอกคอผมด้วย ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อจากนี้ มันก็มากระซิบที่ข้างหูผมว่า
"พี่อามครับ ผมชอบพี่อาม" เฮ้ยฉิบหาย บรรลัยแล้วกู

บทที่ 4 ความสับสน
ทันที ที่ผมได้ยินคำนั้น ผมรู้สึกตกใจมากประกอบกับพิษไข้ด้วย ก็เลยหลับ(สลบ)ไป โดยที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อหลังจากนั้น จากนั้นผมมารู้สึกตัวอีกทีประมาณช่วงกลางดึก ในห้องที่นอนกับไอ้นาวจะเปิดหน้าต่างไว้ทำให้พอจะมองเห็นอะไรได้ลางๆบาง ตอนตื่นขึ้นมารู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาทับตัวเอง พอหันไปมองก็เห็นไอ้นาวนอนกอดผมอยู่ ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่การกอดของมันเหมือนจะกลัวว่าผมจะหนีมันไป ผมลองก้มลงไปดูตัวเองพบว่าเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้ว ผมคิดในใจว่ายังดีที่มันไม่ให้เราต้องนอนแก้ผ้า จากนั้นผมรู้สึกเริ่มกังวล น้ำตาเริ่มไหลเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมรู้สึกว่าการรอให้ถึงเช้ามันช่างยาวนาน แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าในคืนนั้นจะรู้สึกมีความทุกข์อย่างไร คืนนั้นมันก็ต้องผ่านไปจนได้ เหมือนในเพลงคืนอันเป็นนิรันดร์ จากภาพยนตร์รักแห่งสยาม(ภาพยนตร์ที่ผมรักที่สุด)ที่บอกว่า "ความทุกข์จะผ่านเพราะไม่มีคืนใดเป็นนิรันดร์ วันคืนต้องผ่านนั่นคือเวลาอันเป็นนิรันดร์"
การ รอให้ถึงเช้าของผมช่างแสน ยาวนาน ในที่สุดพระอาทิตย์ก็เริ่มฉายแสงในตอนเช้า ผมลุกออกจากเตียงและแกะตัวไอ้นาวออกจากตัวผมอย่างเบามือเพราะกลัวมันตื่น ผมเอามือไปจับแก้มมันเบาๆแล้วร้องไห้อีกครั้งด้วยความรู้สึกผิดต่อมัน ผมไม่ได้โกรธน้องเลย แต่ผมโทษตัวเองที่ทำให้เรื่องมันเกิดขึ้น แม้ว่าจะยังมีไข้อยู่แต่ผมก็อยากอาบน้ำเพื่อชำระล้างความเศร้าหมองในจิตใจ เผื่อว่ามันจะได้มลายหายไปกับสายน้ำบ้างก็ดี ผมรีบแต่งตัว ผมบอกลาอาๆที่ตื่นแล้ว โดยไม่ได้แตะข้าวเช้า แล้วออกจากบ้านทันทีโดยบอกว่ามีเรียนเช้าทั้งที่ความจริงมีในช่วงบ่าย ผมพยายามคิดว่าเรื่องที่ไอ้นาวบอกชอบผมก็เป็นแค่การละเมอเฟ้อภพแล้วก็ฝันไป เอง ขณะที่ผมนั่งรถกลับมหาวิทยาลัย ไอ้นาวมันโทรศัพท์เข้ามือถือ ผมตัดสินใจอยู่นานก่อนที่จะรับโทรศัพท์มัน
"พี่อามอยู่ไหนแล้วครับ ออกไปทำไมนาวไม่เห็นรู้เรื่องเลย" เสียงไอ้นาวเหมือนงอน
"ก็ออกมาตั้งแต่เช้ามืดแล้วอ่ะ ออกสายเดี๋ยวรถติด"
"แล้วพี่อามจะกลับมาบ้านเมื่อไหร่อีกล่ะ" คราวนี้ไอ้นาวถามเสียงอ้อน
"ไม่รู้สิ อาจจะไม่กลับมาเลยก็ได้นะ"
"เฮ้ยไม่ได้นะ อย่างงี้นาวก็ไม่ได้เจอพี่อามดิ"ไอ้นาวดูตกใจมาก
"อืม ก็ดีแล้วไง เราสองคนอยู่ห่างๆกันไว้น่ะดีแล้วล่ะ" พอพูดจบต่างคนต่างก็เงียบไปอยู่นาน แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้
"พี่อามเกลียดนาวขนาดนี้เลยเหรอ" ไอ้นาวดูน่าสงสารมาก
"พี่รักนาวนะ แต่ว่ารักแบบพี่น้องไง พี่ว่านาวกำลังสับสน เราอย่าพึ่งเจอกันเลยดีกว่านะ"
”ทำไม พี่อามพูดอย่างงี้ล่ะะครับ นาวรักพี่อามนะครับ" นาวพูดเสียงสั่น ผมกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ให้คนอื่นเห็น เลยตัดสินใจตัดสายทิ้งแล้วปิดเครื่องหนีไปเลย
หลัง จากที่ผมปิดโทรศัพท์ ไปแล้ว ผมรู้สึกว่าเหนื่อยมากเพราะยังมีไข้อยู่ ทันทีที่เปิดเข้าไปในห้องเพื่อนทั้งสามคนก็นั่งอยู่กันที่ห้องโถงแล้ว
"เฮ้ยเป็นไง ปีใหม่สนุกเปล่า" ไอ้วินทักผมครับ
"อืม ก็ดี" ผมเหนื่อยมากครับ แล้วไม่ทันคาดคิดผมก็เป็นลมล้มไปกองกับพื้น ก่อนที่ผมจะสลบผมก็ได้ยินเพื่อนทั้งห้องโวยวายแล้ววิ่งกรูเข้ามาหาผมครับ ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ผมหลับ เมื่อลืมตามาผมก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงแล้วครับ แล้วบนหน้าผากก็มีผ้าขนหนูชุบน้ำวางอยู่ แล้วก็มีเพื่อนผมคนนึงเปิดประตูเข้ามา
"เฮ้ย มึงดีขึ้นบ้างแล้วยังว่ะ" บีมเพื่อนรักของผมเดินเข้ามา แล้วเอาผ้าขนหนูชุบน้ำออกมาแล้วปิดน้ำใหม่ ก่อนจะวางไว้ที่หน้าผากผม
"อามกูถามมึงจริงๆนะ มึงมีอะไรหรือเปล่า ปกติมึงไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่หว่า สมแล้วที่มันเป็นเพื่อนรักผม ผมเลยจับมือมันแล้วพูดว่า
"กูไม่รู้ว่าจะเล่าให้มึงฟังยังไงดี" พูดจบผมก็ร้องไห้
"แล้วคนอื่นไปไหนกันหมดอ่ะ"ผมถามบีมหลังจากที่ไม่เห็นใครอื่น
"ไอ้ วินกับไอ้คิมมีเรียนอ่ะ"กูมีเรียนพร้อมมึงก็เลยอยู่เฝ้า บีมมันอยู่คณะเดียวกับผมครับ มีเรียนด้วยกันหลายวิชา ผมยันตัวเองขึ้นมานั่ง แล้วพูดกับมันว่า
"บี มมึงกอดกูหน่อยได้มั้ย กูไม่ไหวแล้วว่ะ กูไม่รู้จะทำไงดี"จากนั้นบีมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ มันเข้ามากอดผม ผมรู้สึกอบอุ่น ไอ้บีมตัวใหญ่เหมือนหมี เวลากอดจะรู้สึกดีมาก ผมเอาหน้าซบไหล่มัน แล้วร้องไห้จนแขนเสื้อมันเปียกไปหมด
"มึง ไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวกูไปเอา Course Outline มาให้ก่อนก็ได้นะ"ผมพยักหน้าบนไหล่มัน จากนั้นก็หลับไป กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็เย็นมากแล้วครับ ซึ่งพอตื่นมางานก็จะเข้าอีกแล้วครับ
ขอ โทษด้วยนะครับคือว่าผมเล่าผิดไปนิดนึง คือว่าไอ้บีมเนี่ยไม่ได้ไปเอา Course Outline นะครับแต่ว่าช่วยจด lecture ให้เพราะ Course Outline จะแจกให้ตั้งแต่คาบแรกที่เรียนครับ
เมื่อตื่นขึ้นมาผมก็รู้สึกว่าไข้ลดลง แล้วก็เห็นไอ้คิมนั่งเฝ้าผมอยู่
"อ้าวตื่นแล้วเหรอ ดีขึ้นยังอ่ะ"
"มึงมาตั้งเมื่อไหร่"
“ก็ตั้งแต่บ่ายสาม แล้วอ่ะเนี่ยก็ช่วยเปลี่ยนผ้าชุบน้ำบนหน้าผากมึงไปหลายรอบแล้วอ่ะ"
"ขอบ ใจมากนะ" หลังจากนั้นพยายามยันตัวขึ้นมานั่ง แต่ว่านั่งได้ไม่ทันไรก็รู้สึกมึนเหมือนจะตกเตียง ไอ้คิมก็เลยเข้ามากอดผมไว้ไม่ให้ผมล้ม ไอ้คิมอาจตัวไม่เป็นหมีแบบไอ้บีมแต่ก็เต็มไปด้วยกล้ามจากการเล่นบาสของมัน
"เฮ้ย ทำไมเป็นแบบนี้อ่ะ ไข้ก็ลดแล้วไม่ใช่เหรอ" พูดจบมันก็เอามือมาอังหน้าผากผม ขนาดว่ามันเล่นบาสมือมันยังนิ่มกว่าผมอีก สมเป็นลูกคุณหนูจริงๆ
"อืมสงสัยว่ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้ามั้ง"
"หาจริงดิ เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอาเปล่า"ไอ้คิมดูตกใจมาก
"อืมกูอยากออกไปกินข้างนอกมากกว่า นอนทั้งวันกูเบื่อ”
“เอา ดิเดี๋ยวรอไอ้บีมกับไอ้วินมาก่อนละกัน จะได้ลงไปพร้อมกัน” เมื่อพวกมันมาพร้อมกันผมก็เลยลงไปทานข้าว พวกเพื่อนผมก็ช่วยกันพยุงผมลงไปข้างล่าง เวลาก็เย็นมากแล้วครับ และผมรู้สึกว่าเหมือนวันนี้พวกมันพยายามเอาใจผมเป็นพิเศษ ผมว่าไอ้บีมน่าจะเล่าอะไรให้พวกนี้ฟังบางแล้วล่ะ
“เฮ้ยนี่มึงไปโดนใครเขาอกหักมารึเปล่าว่ะ” ไอ้วินมันแหย่ผม”
“ถ้าอกหักได้ก็ดีแต่ว่านี่มันแย่กว่านั้นอีก”
“แล้วมันยังไงวะ”คราวนี้ไอ้คิมถามผม
“อืม คนบางคนเราก็รักเขาไม่ได้นะ แต่ก็ไม่สามารถหนีเขาพ้น กูก็เลยไม่รู้จะทำยังไง” พูดจบผมก็ทำหน้าซึมๆ จนไม่มีใครกล้าถามอะไรต่อ ผมนึกได้ว่าปิดโทรศัพท์มือถือไว้นานแล้ว ก็เลยบอกไอ้บีมว่าช่วยโทรบอกแม่ผมให้หน่อยว่าโทรศัพท์มือถือเสีย ต้องรออีกห้าวันกว่าจะซ่อมเสร็จ บีมมันคงรู้ว่าผมคงอยากอยู่เงียบๆก็เลยไม่ถามอะไรมาก แต่ว่านั่นแหละครับงานเข้าก็คืองานเข้าหนีไม่ได้ด้วยครับ พอกลางดึกเท่านั้นแหละครับไอ้บีมก็เอาโทรศัพท์มือถือมาให้ผม บอกว่าแม่มีเรื่องด่วนมาก
“ฮัลโหล สุดที่รักว่าไงครับ” (ผมเรียกแม่ตัวเองว่าสุดที่รักครับ)
“อาโอมโทรมาบอกว่าน้องนาวถูกรถชนอยู่ที่โรงพยาบาล... (ใบ้ให้ว่าอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา)”
“หา นาวถูกครับ”ผมตกใจสุดขีด
พอ ได้ยินแม่โทรมาบอกแค่นั้นผมตกใจมาก เลยรีบลากไอ้บีมไปเป็นเพื่อนด้วย แล้วรีบนั่งรถแท็กซี่จากที่รังสิตไปเลย พอไปถึงก็ให้จอดที่แผนกฉุกเฉินอุบัติเหตุที่โรงพยาบาล แล้วรีบวิ่งเข้าไปเลย ผมเห็นบรรดาญาติๆยืนออกันอยู่เพียบเลยครับ ผมเลยตรงเข้าไปเลย
“อาโอม อานาถครับ ไอ้นาวเป็นไงบ้างครับ” ผมเป็นห่วงไอ้นาวมาก
“น้องยังไม่ฟื้นเลยลูก แต่ว่าพ้นขีดอันตรายแล้วล่ะ” อาโอมเป็นคนตอบให้เพราะท่าทางอานาถยังช็อกมากๆ
“คืนนี้อามอยู่กับน้องหน่อยได้มั้ยลูก” พอพูดจบผมก็เริ่มสงสัย
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือ ว่าเดี๋ยวอาต้องพาอานาถกลับไปพักผ่อนก่อน แล้วเดี๋ยวคนอื่นจะกลับไปจัดการเรื่องที่บ้านอะไรให้เรียบร้อยด้วย อีกอย่างคือ...นาวเขาเพ้อถึงอามบ่อยมากเลย น้องคงอยากเจอลูกมาก” เท่านั้นแหละครับผมก็อึ้ง
“ได้ ครับเดี๋ยวคืนนี้อามดูแลน้องเอง” ผมรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ครับ แต่ต้องข่มใจไว้ จากนั้นบรรดาอาๆทั้งหลายก็กับบ้านไปกันหมด ผมเลยเฝ้าน้องอยู่กับไอ้บีมสองคน
“เออน่ามึงทำใจดีๆเอาไว้” ไอ้บีมเห็นผมหน้าเครียดก็เลยพยายามปลอบใจผม
“กูไม่น่าเลยอ่ะ”ผมเริ่มพึมพำ
“ทำไมอ่ะ”
“เอ่อ (ผมต้องโกหกแล้วครับ) ก่อนกลับมาที่หอกูทะเลาะกับน้องมา ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับกูรึเปล่า”
“หาเรื่องแค่นี้เอง ที่ทำให้มึงป่วยเนี่ยนะ”นั่นทำมารู้ทันกูอีก ผมก็เลยตามน้ำไปว่า
“ปกติแล้วกูไม่เคย ทะเลาะกับน้องมาก่อนเลยนะ”ผมหาทางแก้ตัวไปเรื่อยๆ
“เอา น่า อย่าคิดมาก” ด้วยความที่พึ่งฟื้นไข้ไม่นาน ผมก็เลยง่วงแล้วหลับไปต่ออีกรอบ ก็เลยขอพิงไหล่ไอ้บีมมันนอน มันก็ให้พิงนะครับแต่ไม่วายมันก็พูดประมาณว่าจะมีคนคิดว่าเป็นคู่เกย์กันป่ะ เนี่ย ผมก็เลยบอกมันประมาณว่าให้มึงหน้าเหมือนแบรด พิทท์ ก่อนแล้วกันค่อยมากังวล ก็เลยโดนมันเขกหัวไปทีหนึ่ง เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ ก็มีพยาบาลมาบอกว่าไอ้นาวฟื้นแล้ว ผมก็เลยให้บีมมันรออยู่ข้างนอก แล้วก็เดินเข้าไปข้างใน ไอ้นาวมันนอนนิ่งแล้วก็ตาลอยๆ พอผมเรียกมันก็หันมาแล้วก็พยายามขยี้ตาเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป ผมเดินเข้าไปลูบหัวมัน แล้วมันก็ร้องไห้ ผมโน้มตัวลงไปกอดมัน (มันยันตัวขึ้นมาไม่ได้เพราะเจ็บแผล) ผมบอกมันประมาณว่า ไม่ต้องพูดอะไรนะให้อยู่เฉยๆเพราะเดี๋ยวจะเจ็บแผล แต่ว่าไม่วายครับไอ้นาวมันแอบหอมแก้มผมอีกแล้ว แต่จะให้ด่ามันก็ดูจะใจร้ายไปก็เลยยอมมันสักครั้งหนึ่ง พอผมไม่ว่ามันก็เลยเอาอีกรอบ จากนั้นผมก็เลยถามมันว่า
“ทำไม ถึงโดนรถชน ได้ว่ะ” มันก็เลยเล่าว่าพอโทรหาผมไม่ติดก็เลยใจลอย พอแม่มันใช้ให้ไปซื้อของที่เซเว่นก็เดินไปแบบไม่ได้สนใจรถรา เลยโดนเสยเอา เอ่อเพราะผมอีกแล้วสินะ
“อยาก กินอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” ไอ้นาวมันบอกอยากกินโจ๊กครับ ผมก็เดินออกไปซื้อให้ แต่ซื้อไปก็คิดไปไม่รู้จะทำยังไงต่อดี กับเรื่องของมัน
จากนั้นผมเห็นไอ้บีมมันนั่งหลับอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ก็เลยบอกว่าให้มันกลับไปก่อนดีกว่ามั้ย ก็เลยโดนมันสวนว่า
“นี่มึงจะทิ้งกูเหรอว่ะ”
“เชี่ย กูก็แค่ไม่อยากให้มึงลำบากกับกูด้วยไง อีกอย่างเผื่อพรุ่งนี้กูกลับไม่ทัน จะได้ให้มึงจด Lecture ให้ก่อนไง เดี๋ยวกูออกค่า Taxi ให้ก็ได้”
“มันจะดีเหรอวะ”
“เฮ้ย เชื่อกูดิ เดี๋ยวกูไปส่ง”จากนั้นผมก็เดินไปส่งมันขึ้นรถ จ่ายค่า Taxi ให้มัน ซื้อโจ๊กแล้วก็กลับมาหาไอ้นาว แล้วก็ไปอ้อนคุณพยาบาลขอชามมาใส่โจ๊กให้ไอ้นาว พอเอาโจ๊กมาให้มัน มันก็ไม่ยอมกินเอง ทำท่าจะให้ผมป้อนท่าเดียว
“นาวมือก็ไม่เจ็บก็กินเองดิ”
“พี่ อามจะไม่เห็นใจคนป่วยเลยเหรอ” มันเสียงดังจนผมต้องเอามือปิดปาก แล้วบอกมันว่านี่โรงพยาบาลนะ มันก็บอกว่าป้อนสิแล้วจะเงียบ ผมก็เลยต้องป้อนมันอีก แล้วบังเอิญว่าห้องฉุกเฉิน มีเก้าอี้เฉพาะนั่งรอด้านหน้า ก็เลยต้องยืนป้อนมัน แล้วมันก็เอามือโอบตัวผมไว้ครับ จะด่ามันก็ไม่ได้เดี๋ยวโวยวายใส่อีก ไอ้นี่ชอบใช้วิธีการให้ผมปฏิเสธไม่ได้ตั้งแต่โดนโม๊คแล้วครับ ถ้าไม่ใช่ญาติตัวเองก็น่าจะจบไปแล้วครับ แต่พอเป็นน้องตัวเองก็เลยไม่รู้ทำไง ที่สำคัญดันแกล้งมันไว้เยอะนี่แหละครับเวรกรรม ผมค่อนข้างกังวลว่าคนจะเข้าใจผิดว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เพราะมันก็ร่างกายโตเป็นหนุ่มแล้วครับ แล้วหน้าเราสองคนก็ไม่เหมือนกันเพราะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ มือมันก็โอบเอวผมอีกต่างห่าง แถมมีพยาบาลหลายคนชอบส่งสายตาแปลกๆแล้วก็ยิ้มมาทางไอ้นาวกับผมบ่อยจัง กินเสร็จมันก็นอนหลับปุ๋ย ก่อนหลับก็ไม่วายจับมือผมไว้ตลอดเวลา ตายหะนี่กูกำลังทำอะไรที่เหมือนเป็นแฟนกันเลยนี่หว่า อืมชิ่งมันไปตอนนี้ก็ไม่ได้อีก เอาไงดีละทีนี้ ผมรอถึงตอนเช้าจนกระทั่งไอ้นาวตื่น ผมก็โทรไปบอกอาโอมกับอานาถให้มารับกลับบ้าน เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปหามัน ผมคุยกับมันประมาณว่า อย่าลืมกินยานะ แล้วก็อย่าพยายามออกแรงมาก มันก็ดันพูดขึ้นมาว่า
“ถ้า พี่อามอยู่ด้วย คงหายเร็วแหละ”พูดเสร็จมันก็ยิ้มเผล่ ผมก็บอกว่าต้องเรียนหนังสือ มันก็เลยบอกว่าขอกอดหน่อยเพราะเดี๋ยวไม่ได้เจออีกหลายวัน ผมก็ให้มันกอดแต่ผมก็พูดกับมันข้างๆหูว่า
“เราเป็นพี่น้องกันนะ จำไว้ให้ดีๆ”
“งั้น นาวก็ขอเป็นน้องที่รักพี่อามมากกว่าใครๆเลยก็แล้วกัน” ผมฟังแล้วก็น้ำตาร่วงครับ คือไม่รู้จะสงสารน้องหรือสงสารตัวเองดี ไอ้นาวมันเอามือมาปาดน้ำตาผม
“อย่า ร้องไห้ดิ นาวกำลังมีความสุขเลย เสียบรรยากาศหมด “ ดูมันไม่ได้คิดว่าผิดเลยใช่ไหม ผมก็เลยมองว่างั้นคงต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปสักพักละกัน แล้วไอ้นาวมันก็อ้อนให้ผมหอมแก้มมันหน่อยบอกว่าเป็นรางวัลที่หายป่วย ผมเลยต้องตบกบาลมันทีนึง แล้วบอกว่าอย่าลามปามแค่ที่ทำตอนนี้ก็เยอะแล้ว โอ้ยผมปวดประสาทจริงๆ
ผม เดินหนีไอ้นาวออกมาบอกว่าปวดฉี่จะไปเข้าห้องน้ำ แต่จริงๆแล้วอยากออกมาสงบสติอารมณ์มากกว่า พอมาล้างหน้าที่อ่างก็มีคุณหมอคนหนึ่งอยู่ข้างๆแล้วก็ยิ้มๆให้ ผมสงสัยก็เลยถามไปว่า
“คุณหมอมีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” แล้วก็ได้คำตอบที่ทำให้อึ้งว่า
“เห็นคุณกับแฟนดูแลกันดีผมก็เลยอิจฉา เนี่ยแฟนผมที่พึ่งเลิกไปเขายังไม่เคยดูแลผมขนาดนี้เลย” โอ้ยขอบคุณพระเจ้างานเข้าอีกแล้วกู
“คุณหมอครับเอ่อนั่นมันน้องชายผมนะ”
“จริง อ่ะ โธ่คุณไม่ต้องปิดก็ได้แฟนผมก็ผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องอายหรอก” เอาเข้าไปไม่ฟังกูเลย ผมก็ต้องอธิบายความประมาณว่าน้องจริงๆแต่ว่ามันติดผมมากก็เท่านั้นเอง พูดจบผมก็รีบออกมาจากห้องน้ำเพราะพูดมากเดี๋ยวความแตกกันพอดี รอสักพักอาโอมกับอานาวก็มาถึงพร้อมกับขอบอกขอบใจผมใหญ่ที่อุตส่าห์ช่วยดูแล ไอ้นาวให้ทั้งคืน แต่คนที่ดูจะมีความสุขมากกว่าใครก็คือไอ้นาว (แน่ละสิกำไรเห็นๆทั้งกอด ทั้งหอม ถ้าทำอะไรมากกว่านั้นได้กูคงเสร็จมันไปรอบสองแล้วมั้ง) แล้วเหมือนว่าความซวยจะมาอีกครั้งเพราะไม่มีรถเข็นว่างผมก็ต้องประคองมันอีก คราวนี้ได้ทีมันโอบผมใหญ่ผมก็เลยต้องหยิกมันไปทีนึง มันร้องโอ๊ยซะดัง ผมก็เลยกลบเกลื่อนบอกพ่อกับแม่มันไปว่าสงสัยโดนมดกัด (สมน้ำหน้ามัน) ระหว่างที่เดินประคองมันมันก็บอกว่าอย่าปิดมือถือนะ อยากโทรไปคุยกับผมทุกวัน จริงๆก่อนหน้านี้ประมาณเดือนสองเดือนมันก็โทรหาผมบ่อยนะครับแต่ออกแนวชอบถาม เรื่องการบ้านแล้วผมก็รู้สึกว่ามันเหมือนไม่ค่อยจะถามอะไรจริงจังหรอกเหมือน หาเรื่องคุยไปนานๆมากกว่าแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วครับ
“แสดง ว่าที่โทรหาตลอดนี่ไม่ได้ จะโทรมาถามการบ้านเลยใช่ไหม” มันยิ้มแทนคำตอบแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อครับ แล้วผมก็ต้องมาส่งมันถึงบ้านจนได้ ตอนนั้นอาโอมกับอานาถต้องไปทำงานก่อน เลยฝากผมดูแลไอ้นาวไปก่อนจนกว่าจะกินข้าวเสร็จกินยาแล้วหลับ(เพราะยาที่กิน มีส่วนผสมของยานอนหลับเพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อน) พร้อมให้ค่าแท็กซี่สำหรับกลับมหาวิทยาลัยเรียบร้อย บ้านก็ไม่มีใครอยู่เพราะไปทำงานหมดเหมือนกัน ผมก็ไม่คิดอะไรมากเพราะคิดว่ามันเจ็บหนักขนาดนี้น่าจะไม่มีพิษสงอะไร (แต่จริงๆแล้วคิดผิด) ยังดีที่ว่าไอ้นาวไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่ก็ยังเจ็บแผลอยู่นิดหน่อยและยังยืนนานๆไม่ค่อยได้ ก็เลยไม่น่าจะลำบากมากแล้ว จากนั้นผมก็จัดแจงหาข้าวปลา หายาให้มันกิน คราวนี้มันต้องทานเองแล้วครับเพราะมันโวยวายให้ใครรู้ไม่ได้ (แอบดีใจ แต่ว่า...)
“พี่ อามนาวอยากอาบน้ำ” ผมก็เลยบอกว่าก็ไปอาบเองสิ แต่ก็จำนนด้วยเหตุผลว่าก็มันยังยืนไม่ค่อยได้ต้องมีคนไปช่วยมันอาบ ผมก็เลยต้องไปอาบให้มัน ดีที่ว่าที่บ้านมีเก้าอี้พลาสติกอยู่ตัวหนึ่งก็เลยเอาไปให้มันนั่งอาบ และแล้วพอมันเข้าห้องน้ำ มันก็จัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองจนล่อนจ้อนหมดเลย ผมก็เลยถามมันว่าไม่คิดจะอายกันบ้างเหรอ มันก็บอกว่า
“นาว ก็โป๊ให้พี่อาม ดูมาตั้งแต่เด็ก นาวก็เห็นของพี่อามมาหมดแล้วทุกอย่าง จะอายอะไรอีก” ผมคิดในใจว่า เออจริงของมันแต่ผมก็อายมันอยู่ดี พอมาถึงตอนนี้ผมก็เลยนึกย้อนไปถึงตอนเด็กๆที่เคยอาบน้ำให้มัน ตอนนั้นมันยังดื้ออยู่เลย อาบน้ำให้มันทีไรมันชอบทำตัวผมเปียกทุกที เวลาอาบน้ำเสร็จเสื้อผ้าก็ไม่ยอมใส่มาเกาะผมเป็นลูกลิงอยู่ได้ กว่าจะจับมันใส่เสื้อผ้าได้ก็เล่นเอาเหนื่อย ผมจัดการอาบน้ำสระผมให้มันเสร็จสรรพ แต่พอกำลังจะเช็ดตัวให้มัน มันก็ถามว่า
“พี่นาวยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม”
“ก็เออดิ เฝ้านาวทั้งคืนไม่ได้ไปไหนเลย จะให้ไปอาบตอนไหน”
“ตอน นี้ไง” พูดจบมันก็เอาฝักบัวฉีดน้ำใส่ผมทันที ผมหลบไม่ทันก็เลยเปียกทั้งตัว โดนเหมือนตอนมันเป็นเด็กเลย ตาโดนน้ำจนพร่ามัวแล้วไอ้นาวก็เข้ามาหาผม มันดันผมเข้ากับฝาผนัง แล้วก็คว้าคอผมมาจูบ แล้วมันก็เลื่อนมาไซร้ที่ซอกคอ โอ๊ยนี่คอจะเป็นรอยมันดูดรึเปล่าวะ เสื้อผมกำลังจะโดนมันถอด ผมพยายามผลักมัน แต่มันเอาวงแขนรัดผมไว้ซะแน่น
“ปล่อย กูเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยกู” แต่โวยวายไปก็ไร้ผลเพราะไม่มีใครได้ยิน แล้วกูจะโดนมันปล้ำมั้ย โอ๊ยไม่ได้นะผมยังไม่อยากเสียจิ้นตอนนี้ ไม่ใช่กับน้องชายตัวเอง ใครก็ได้ช่วยผมด้วย
เรื่อง ก็ยังดำเนินต่อไป ผมถูกไอ้นาวกระชากเสื้อหลุด กางเกงพร้อมกางเกงในก็ถูกถอดออกมากองหมดแล้ว ผมเลยพยายามทำใจว่าคงต้องโดนปล้ำแน่แล้วละกู แต่ว่าเรื่องมันพลิกล็อกตรงที่ว่าอยู่ๆ ไอ้นาวมันก็หมดแรงแล้วล้มไปกองกับพื้นซะงั้น (ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ใครหลายคนผิดหวังแต่ผมไม่อยากเล่าเกินจริง) ผมก็เลยตกใจรีบไปประคองมันให้นั่งบนเก้าอี้ แล้วก็เลยถามว่ามันเป็นอะไรไป
“ไม่ รู้อยู่ๆมันก็ง่วงอยากนอน” อ๋อเป็นผลจากยานอนหลับนั่นเองครับ อีกอย่างมันยืนไม่ค่อยได้อยู่แล้วด้วย ผมก็เลยรอดพ้นจากการถูกปล้ำอย่างหวุดหวิด แต่ผมก็ต้องลำบากอยู่ดีที่ต้องแบกมันขึ้นห้อง แล้วสภาพผมก็แย่มากเพราะมันมีผ้าเช็ดตัว ส่วนผมเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าเปียกไปหมดก็เลยต้องถอดทิ้งไว้ก่อน กว่าจะทิ้งมันลงบนเตียงได้ก็แทบแย่ ขณะกำลังจะใส่เสื้อผ้าให้มัน มันมองผมตาไม่กระพริบแล้วบอกผมว่า
“ดี จังเลยได้เห็นพี่อามโป๊ชัดๆ” (เพราะคราวที่ตอนโดนมันโม๊คเป็นช่วงเย็นแล้วอยู่ในที่ทึบๆเลยมองเห็นอะไรไม่ ค่อยชัด) ไม่ทันที่ผมจะด่ามันก็คว้าตัวผมไปกอดบนเตียงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้กลายเป็นว่าเราสองคนกอดกันบนเตียงในสภาพเนื้อแนบเนื้อ เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ผมหลับตาไม่อยากมอง พร้อมใจที่เต้นระรัว ไอ้นาวไม่รอช้าระดมจูบผมไปทั่วร่าง ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้วเพราะร่างกายมันระทวยไปหมดแล้ว มือมันก็คว้าท่อนลำผมไว้เพื่อเคล้าคลึงให้ผมเกิดอารมณ์พร้อมๆกับใช้มือบีบ เค้นกล้ามเนื้อผมไปพร้อมๆกัน อารมณ์ผมจะกระเจิดเจิงไปหมดแล้วครับ แต่ว่า....ด้วยฤทธิ์ยาทำให้ไอ้นาวหลับคาอกผมไปครับ คิดตอนนี้แล้วก็ยังตลกไม่หาย พอมันหลับผมคิดถึงตอนเด็กๆที่มันนอนหลับโดยที่มันต้องกอดผมหรือผมกอดมัน ทุกที มันรู้สึกอบอุ่นมาก พอมาถึงตอนนี้ตอนที่มันหลับผมเลยนอนกอดมันไว้สักพักและคิดถึงความรู้สึก เก่าๆที่ยังคงบริสุทธิ์ กอดกันเพราะความรักไม่ใช่ความกระหายใคร่ในกามารมณ์ มันโตขึ้นมากจริงๆ ผมก็หอมแก้มมันไปหนึ่งทีแบบพี่หอมน้อง ที่ทำตอนมันตื่นไม่ได้เพราะเดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดไปเสียฉิบ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมเหมือนกำลังกอดเด็กตัวโตๆไว้ในอ้อมแขน ตัวมันหอมเพราะพึ่งอาบน้ำมาใหม่ คิดถึงมันตอนเป็นเด็กจริงๆเลย สักพักผมก็เอาตัวมันออกจัดแจงใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วจัดการหาถุงพลาสติกในบ้านมาใส่เสื้อผ้าที่เปียกเพื่อกลับไปซัก แล้วก็หาชุดไอ้นาวที่พอจะใส่ได้ใส่กลับไปก่อน ก่อนกลับผมก็ทิ้งโน้ตไว้มันว่า
“หลับ ให้สบายนะ แล้วอย่าลืมกินยาด้วย” จากนั้นก็ออกมาจากบ้านแล้วนั่งแท็กซี่กลับมาที่มหาวิทยาลัย เมื่อผมคิดถึงตอนกอดมันเมื่อสักครู่ที่ทำให้รู้สึกดี ผมก็เริ่มสำรวจหัวใจของตัวเองว่าผมรักมันในรูปแบบใดกันแน่
พอ ผมนั่ง แท็กซี่มาได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่าการปิดมือถือไม่มีความหมายอีกต่อไป เพราะยังไงก็ต้องคุยกับไอ้นาวอยู่ดี เชื่อมั้ยครับทันทีที่เปิดโทรศัพท์มือถือ มีข้อความเข้ามาใหม่เยอะมาก ดูๆไปมีแต่ไอ้นาวส่งมาทั้งนั้นเลย (พูดไปยังกับหนังไทย นั่นว่าเน่าแล้วนะเรื่องผมยิ่งกว่าเขาอีก) ข้อความมันประมาณว่า
“ขอโทษนะ นาวไม่ได้ตั้งใจ”
“อย่าโกรธนาวเลย”
“นาวผิดไปแล้ว”
“ที่ทำไปก็เพราะรัก”
“พี่อามไม่เห็นใจน้องบ้างเหรอ”
“พี่อามไม่มาหานาวแล้วนาวจะอยู่กับใคร”
“ไม่ มีพี่อามแล้วนาวจะขาดใจ” อ่านไปแล้วก็แบบว่าผมอยากจะบ้าตาย พอหลับตาผมก็พลันนึกถึงที่ได้กอดมันเมื่อสักครู่ มันรู้สึกอบอุ่นมากมาย อยากกลับไปทำแบบนั้นอีก แต่ผมกลัวว่ามันจะเข้าใจผิด และจะเผลอใจไปทำอะไรที่เกินเลยซะเอง ผมแค่อยากทำอะไรด้วยความไตร่ตรอง ไม่อยากใช้แต่อารมณ์ตัดสินอย่างเดียว ผมรู้ว่าความรักต้องใช้หัวใจนำทางแต่ว่าเรื่องนี่มันคงใช้หัวใจไม่พอครับ คงต้องพูดถึงเรื่องความถูกต้องด้วย แล้วโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น อานาถโทรมาครับ
“นาวเขาโอเคใช่ไหมลูก”
“เรียบร้อยดีครับ หลับสบาย อามกำลังนั่งรถกลับมหาวิทยาลัยอยู่ครับ”
“ขอบใจอามมากนะลูก น้องคงดีใจน่าดู”
“อ้าวทำไมล่ะครับ” ผมสงสัย
“ก็ น้องเพ้อหาแต่อาม ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ใครพูดอะไรไม่ค่อยฟังหรอก นอกจากพี่อามพูดมาคำเดียวจบเรื่อง ติดอามยังกับอะไรดี ขนาดอาบน้ำยังต้องให้พี่อามอาบให้เลยดูสิ พ่อแม่จะอาบให้ไม่มียอม” อานาถพูดเสียงดูรื่นเริง แต่ผมอึ้งและเริ่มคิดทบทวนเรื่องในอดีต
“แล้วอามจะกลับมาบ้านมาอีกเมื่อไหร่ละลูก”
“อืม ไม่แน่ครับ อาจเป็นเดือนหน้าเลยก็ได้ครับ มีงานเยอะครับ”
“โอ๊ย เจ้านาวคงบ่นน่าดู แค่อามไม่กลับทุกอาทิตย์ นาวก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วแล้วลูก” ผมก็ขำกลบเกลื่อนแต่แอบถอนใจเบาๆ เมื่อวางสายผมก็เผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาผมพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงของไอ้นาวพร้อมร่างกายที่เปลือย เปล่า และไอ้นาวก็กำลังคร่อมตัวผมอยู่
“พี่อามของผมตื่นแล้วเหรอครับ” ผมมาอยู่บนเตียงกับมันได้ไงวะเนี่ย
“นาวมาอยู่กับพี่ได้ยังไง” ผมเริ่มงงและกลัว
“พี่ อามก็ต้องอยู่กับนาวสิ ก็พี่อามเป็นของนาวไง” จากนั้นไอ้นาวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มคว้าผมไปจูบอย่างดูดดื่ม ผมพยายามเอามือผลักมันออก แต่ก็ได้รู้ว่าทั้งสองมือได้ถูกพันธนาการไว้กับเสาเตียงเรียบร้อยแล้ว ผมรู้สึกว่าลิ้นจะขาดเพราะโดนรุกเร้าหนักมาก จากนั้นนาวเริ่มไซร้ไปที่ซอกคอ พร้อมกับใช้ฟันขบเบาๆ ตอนนี้ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ อารมณ์กระเจิดกระเจิง คราวนี้ไอ้นาวกลับมาใช้ลิ้นอีกครั้ง โดยโลมเลียไปทั่วตัวผมอย่างเบาจนผมต้องเผลอครางออกมา นาวไม่รอช้ารีบเอามือเคล้าคลึงท่อนลำของผม รูดขึ้นรูดลงพร้อมการดูดอมอย่างเมามัน ผมพยายามดิ้นแล้วแต่ไม่เป็นผล เพราะมือนึงของนาวก็เคล้าคลึงท่อนลำผมไป อีกมือก็กดผมไว้ไม่ให้ดิ้นได้ ปากของนาวก็จดจ่อท่อนลำของผมอยู่อย่างนั้นไม่นานก็ใกล้ถึงที่หมาย ผมพยายามให้นาวหยุด แต่ที่สุดแล้วก็เสร็จคาปากมันจนได้ พร้อมๆกับการรีดเลียน้ำกามของผมจนไม่เหลืออีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่านาวจะไม่พอใจอยู่แค่นั้น นาวลุกขึ้นไปหยิบเชือกพร้อมกับมามัดขาผมทั้งสองข้างกับปลายเตียง ผมพยายามดิ้นสุดฤทธิ์เพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไอ้นาวก็มัดผมจนเสร็จ แล้วมันก็พูดว่า
“พี่ อามอยู่นิ่งๆนะ ผมไม่ทำคนที่ผมรักเจ็บหรอก” จากนั้นมันก็โน้มลงมาห้อมแก้มผม จากนั้นมันก็เอานิ้วชี้ชโลมเบบี้ออยล์แล้วเริ่มสอดเข้าไปในร่องก้นของผม
“ไม่ไม่ไม่ อย่าทำแบบนี้ อ๊ากกกกกกกก” ผมหวีดสุดเสียง
“คุณ ครับเป็นอะไรรึเปล่าครับ”พี่คนขับแท็กซี่ถามเข้ามา เฮ้ยนี่กูฝันใช่ไหมเนี่ย อู้ยโล่งอก ก็เลยต้องบอกเขาไปว่าบังเอิญว่าฝันร้ายไปหน่อย พอกลับมาถึงหอก็ไม่ไหวแล้วครับ ล้มตัวลงนอนทันที เพราะนอกจากบนแท็กซี่ก็ไม่ได้นอนเลย แถมต้องออกแรงฟัดกับไอ้นาวมาอีก ค่อยไปเรียนตอนบ่ายละกันตอนเช้าวันนี้ไอ้บีมหมียักษ์คงจัดการจด Lecture แทนผมไปแล้ว หวังว่าคงไม่ฝันว่าโดนไอ้นาวปล้ำอีกนะ แต่ใครจะคิดว่าตื่นมาอีกทีจะพบว่าตัวเองโดนลวนลามจากคนใกล้ๆตัวนี่เอง

บทที่ 5 คนใกล้ตัว
ขณะ ที่ผมกำลังนอนหลับอย่างสนิท ก็เริ่มมีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนมาจับแก้มอยู่ ผมก็นึกว่าขนาดกูนอนหลับไอ้นาวมันจะตามมาหลอกหลอนไปถึงไหน แต่ก็คิดว่าแค่ความฝันช่างมันเถอะกูง่วงไม่อยากต่อกรกับมันในฝัน พอสักพักเฮ้ยมันชักลามไปมากกว่าเดิม คราวนี้มันมาจูบเบาๆที่ปาก หน้าผาก คาง แล้วยังจะเอามือล้วงไปในเสื้อผมอีกไปบีบนมผมอีก ผมก็ในใจว่าไอ้นาวมึงจะเล่นแบบนี้กับกูตลอดไม่ได้หรอกนะ ปรากฏว่าคราวนี้มันไม่หยุดมันถอดกางเกงและกางเกงในผมออก จับท่อนลำของผมรูดขึ้นรูดลง และเริ่มเอาปากงับแล้วใช้ลิ้นแลบเลียเหมือนคราวแรก คราวนี้ผมทนไม่ไหวลุกขึ้นมาโวยวาย
“ไอ้ บ้าเอ๊ยพอได้แล้ว นี่มึงจะตามมาโม๊คกูตลอดไม่ได้หรอกนะ” แต่พอก้มหน้าลงมามองที่ขาตัวเอง เฮ้ยนี่มันเรื่องจริงนี่หว่า ควยคาปากเลย แต่คราวนี้ไม่ใช่ไอ้นาวแต่เป็น”ไอ้คิม” ผมอึ้งสุดขีด
“ไอ้ เชี่ย นี่มึงเป็นเกย์เหรอว่ะ” ผมตกใจพูดอะไรต่อไม่ถูก มันก็บอกผมประมาณว่า มันก็บอกว่ามันก็เป็นเหมือนผมนั่นแหละ (ผมเป็นไบเซ็กช่วลแล้วเพื่อนที่รู้จักก็รู้กันดี แต่ผมเป็นประเภทไม่ชอบป่าวร้องให้ชาวโลกรู้ไปทั่ว ก็มันเรื่องของผมนี่หว่า) แล้วมันบอกว่าชอบผมมาตั้งนานแล้วแต่ไม่รู้จะทำยังไง เมื่อวานที่ผมออกไปกับไอ้บีมมันห่วงผมแทบตาย แล้วก็น้อยใจที่ผมไม่เอ่ยปากชวนมันไปด้วยสักคำ
“เฮ้ยแล้วแฟนสาวคนสวยของมึงอ่ะ (แฟนมันสวยมากกกก) มึงทำแบบนี้มันนอกใจเขานะเว้ย กูไม่อยากเป็นมือที่สาม” ผมพยายามปฏิเสธมัน
“ตั้งแต่ กูรู้ว่ากูรักมึง กูก็ขอบอกเลิกเขาไปแล้ว อีกอย่างเขาก็มีคนที่ถูกใจกว่ากูอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับมึงหรอก” แล้วมันก็บอกผมต่อว่า ตอนผมไม่สบายมันอยากอยู่กับผมตลอด มันอยากมาเช็ดตัวให้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ แต่กลัวมีพิรุธเลยต้องให้ไอ้บีมทำไปก่อน พอมันเข้ามาตอนบ่ายวันนั้นมันดีใจมากที่ได้อยู่กับผมตลอดบ่ายวันนั้น
“ไอ้ คิมคือบอกตามตรงได้มั้ย ตอนนี้กูไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น เพราะที่บ้านพึ่งมีเรื่องมา กูอยากพักผ่อน” แล้วก็ด่ามันไปหน่อยนึงประมาณว่าทีหลังอย่าลักหลับนะ ถ้ากูจะมีอะไรกับใครสักคนกูต้องมีความสุข ไม่ใช่ให้อีกฝ่ายสนุกอยู่ฝ่ายเดียว
“ถ้า งั้นกูขอโทษนะที่ลักหลับมึง กูแค่ทำตามความรู้สึกของตัวเอง แต่ตอนนี้กูขอนอนกอดมึงได้มั้ย กูอยากให้มึงรับรู้ว่ากูรักมึงมากแค่ไหน” ผมคิดอยู่สักพักก่อนที่จะให้มันนอนกอด แต่ก็บอกมันว่ากอดในฐานะเพื่อนนะ และอย่าลวมลามกูด้วยไม่งั้นมีถีบ ผมตอบตกลงมันง่ายขนาดนี้เพราะไม่รู้ว่าต้องการหาที่พักพิงรึเปล่าจากเรื่อง ที่เกิดจากไอ้นาวรึเปล่า ไอ้คิมมันยิ้มดีใจมันเข้ามานอนกอดผมจากข้างหลัง ผมสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง กลิ่นหอมอ่อนๆจากเนื้อตัวของมันที่มาจากน้ำหอมราคาแพง ผมบอกมันว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยคงตื่นเพื่อไปเรียนตอนบ่าย มันบอกว่ามันก็ไปเรียนบ่ายเหมือนกัน
“ดี เลยจะได้นอนกอดอามนานๆ” ผมไม่ได้พูดอะไรต่อครับ เพราะเหนื่อยล้ามากจริงๆผมหลับไปในอ้อมอกของไอ้คิม จนตื่นอีกทีก็เวลาเที่ยงก็ลุกขึ้นไปหาข้าวกินก่อนที่จะไปเรียนต่อช่วงบ่าย ไอ้คิมมันดูแลผมตอนทานข้าวดีมากกกกกก เหมือนผมเป็นเจ้านายมันเลย ผมต้องบอกให้มันอย่าเว่อร์มาก ไอ้คิมบอกว่า
“ไม่ ได้หรอกเราต้องดูแลที่ รักของเราให้ดีๆ” อ้าวเฮ้ยดูมันพูดพร้อมเปลี่ยนสรรพนามเสร็จสรรพ จากกูเป็นเราเรียบร้อย ก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ผมต้องบอกมันว่านี่เรายังเป็นเพื่อนกันนะ มันก็ทำหน้าเศร้าจนผมนึกถึงไอ้นาว ผมต้องสั่งให้มันทำหน้าดีๆหน่อยเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย พอมันทำหน้าดี๊ด้าขึ้นมาก็ทำให้นึกถึงไอ้นาวเวลามันดีใจอีก เฮ่อ
เมื่อ เรียนเสร็จช่วงบ่ายครับ ไอ้คิมมันขับรถมารับเลยครับ บอกว่าจะพาไปทานข้าวข้างนอก ผมก็เลยบอกมันว่าไม่ไปทานข้าวได้มั้ย อยากไปที่อื่นมากกว่า
“ไปไหนล่ะอาม” ไอ้คิมสงสัย
“ไปวัด”
“หา อามอยากไปวัดเหรอ” ผมก็เลยบอกคิมไปว่า ไม่ค่อยสบายใจอยากไปทำบุญ คิมก็เลยพาผมขึ้นรถไปวัดทีใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ไปถึงก็ไปซื้อชุดสังฆทานที่ร้านขายของชำที่หน้าวัด แล้วก็เข้าไปถวายสังฆทาน ทำบุญกรวดน้ำ พระท่านก็มีเมตตานอกจากให้ศีลให้พรแล้ว ยังแสดงธรรมเทศนาให้อีกด้วย คำพระที่ท่านพูดที่ผมจำไม่ลืมคือ
“อยู่กับตัวเองให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา” แล้วพอท่านทราบว่าผมกับไอ้คิมยังเป็นนักศึกษากันอยู่ ท่านก็บอกว่า
“สิ่ง สำคัญในการศึกษาเล่าเรียนไม่ได้มีอยู่ในตำรา แต่ว่าอยู่ในใจของตน ต้องมีสติระลึกรู้อยู่ตลอดเวลา” ผมได้ฟังคำพระแล้วรู้สึกว่าคำเทศน์ของท่ามีความหมายกับผมมาก พอเสร็จพิธีผมก็เดินเล่นอยู่ในวัดสักพักนึง ก่อนขอให้ไอ้คิมช่วยพาผมไปนั่งรถเล่นสักระยะ ก่อนจะไปหาอะไรกินที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง(แต่ว่าไปกินกันประมาณช่วงค่ำนะครับ )ซึ่งเป็นร้านที่ต่อมาตอนนี้โด่งดังมากอยู่ตรงข้ามเมเจอร์รังสิต ผมกินด้วยความเงียบเชียบเพราะมัวแต่ครุ่นคิด จนไอ้คิมถามว่ามันทำให้ผมไม่มีความสุขรึเปล่า ผมบอกว่าไม่ใช่จริงๆต้องขอบใจด้วยซ้ำที่คิมช่วยพาผมมาทำบุญ มาหาของอร่อยๆให้ทาน
“คิมเป็นเพื่อนกันไปก่อนได้มั้ย คือตอนนี้กูมีเรื่องต้องคิดเยอะน่ะ แต่กูสัญญานะว่าจะรับมึงไว้พิจารณา” ผมพูดโพล่งออกไป
“จริงๆ นะอาม” คิมดูมีสีหน้าที่มีความสุขมากๆ แต่ในใจผมกำลังคิดว่าตอนนี้ผมกำลังจะหนีจากไอ้นาวยังไงดี แล้วอยู่ๆก็งานเข้า ไอ้นาวมันก็โทรมาทันที มันก็ถามนู่นถามนี่ไปเรื่อยเปื่อย พอคุยมันก็ลงท้ายว่า
“รักพี่อามนะครับ”
“อืมขอบใจนะน้องชาย” ผมพยายามเน้นคำหลัง
“ว้า เป็นได้แค่น้องชายเองเหรอ เป็นมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
“เป็นอะไรล่ะ” ผมถาม
“เป็น คนที่รักกันไง” อืม ผมว่าไอ้นาวมันคงไม่กล้าพูดคำว่าแฟนน่ะครับ มันพูดจบผมก็รีบวางสายทันที เหนื่อยใจสับสนว่าตัวเอง ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองรักไอ้นาวแบบน้องหรือแบบแฟนกันแน่ จริงๆแล้วผมก็แอบชอบไอ้คิมอยู่เหมือนกันนะครับ แต่เหมือนว่าออกจะปลื้มมากกว่า ไม่ได้คิดแบบแฟน
หลาย คนอาจจะสงสัยว่าทำไม ผมไปวัด ไม่ได้ไปเทคหรือผับ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวไม่ได้ว่าใครนะครับ ผมมองว่าเวลามีปัญหาคนเราควรจะตั้งสติ ดีกว่าไปกินเหล้าเมามายเพราะอาจจะทำให้ปัญหาบานปลายไปกว่าเดิม ถ้าอยากกินเหล้าจริงๆเอาไว้เวลาที่อยากสนุกกันจะดีกว่าครับ ไปเที่ยวอย่างมีความทุกข์ไม่มีความสุขหรอกครับ
พอ กินข้าวเสร็จผมกับไอ้ คิม ก็กลับมาที่มหาวิทยาลัย ไอ้คิมไปจอดรถที่ค่อนข้างมืด ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ ไอ้คิมก็มาคว้าตัวผมเข้ากอดแล้วบอกว่าขอบใจมากที่วันนี้ผมทำให้มันมีความสุข ผมก็ยิ้มไม่ได้พูดอะไร แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็คือ ไอ้คิมค่อยๆดึงผมไปจูบอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากของคิมนิ่มมาก ผมได้กลิ่นหอมจากสเปรย์ระงับกลิ่นปากที่มันฉีดก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วฉับพลันผมก็นึกไปว่าตัวเองกำลังจูบอยู่กับไอ้นาว ผมรู้สึกผิดกำลังจะถอนปากออกจากคิม แต่คิมก็ยังจับศีรษะผมไว้ จนเราจูบกันอย่างเนิ่นนาน จนที่สุดแล้วคิมก็เป็นคนถอนปากไปเอง
“ขอโทษนะ อารมณ์มันพาไป” คิมกลัวว่าผมจะโกรธ
“ไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะว่าเรารู้สึกดี”
“เฮ้ยอามแทนตัวเองว่าเราแล้วเหรอ”
“อืม มันคงใช้คำว่ากูไม่ได้อีกแล้วล่ะ” ผมมองตาคิม
“ขอบ ใจนะ” คิมคว้าตัวผมกอดอีกครั้ง ตอนนี้กลายเป็นว่าเรากลายเป็นแฟนกันไปโดยปริยาย ท่ามกลางความสับสน ในของผมว่า ผมคบคิมเป็นเพราะรักคิมหรือต้องการหนีห่างจากไอ้นาวไปให้ไกลๆกันแน่ ผมหวั่นใจเพราะไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อผมขึ้นมาที่ห้อง ผมรีบอาบน้ำ แล้วเข้านอนไปด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนนอนคิมเดินมาจากห้องโถงขณะที่เล่นเกมส์กับพวกไอ้วินและไอ้บีม คิมเดินมาที่เตียงแล้วมาจูบที่แก้มสองข้างและหน้าผากของผมแล้วอวยพรให้ฝันดี แต่ในคืนนั้นผมไม่ได้ฝันดีเลย ไอ้นาวมาเข้าฝันผม แล้วบอกว่า
“พี่นาวใจร้ายๆๆๆๆๆๆ” แล้วก็ร้องไห้ฮือตลอดเวลา ในที่สุดผมทนไม่ได้ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง จนเพื่อนๆผมที่เข้ามานอนจากนั้น ต่างตกใจตื่น โดยเฉพาะคิมที่ตกใจมาก เข้ามากอดแล้วปลอบผมตลอด ผมอ้างกับคิมว่าผมฝันร้ายมากแล้วน่ากลัว เลยตื่นมาร้องไห้ เมื่อผมหยุดร้องไห้คิมก็มาที่เตียงผมแล้วมานอนกอดผมไว้ทั้งคืน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้สองคนนั้นมันจะคิดอย่างไร ส่วนผมก็ไม่คิดอะไรแล้วครับ อยากนอนหลับซึ่งก็ยังดีที่ในค่ำคืนนั้นผมรู้ว่าผมไม่ได้นอนอย่างโดดเดี่ยว เดียวดาย แต่ยังมีอ้อมกอดอุ่นๆของคิมที่คอยปลอบผม มันช่วยให้ผมหนีออกจากความอึดอัดในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี
ผมตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าตรู่ และรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆที่ตัวผม อ๋อคิมนั่นเองครับที่ยังคงนอนกอดผมอยู่ คิมหลับตาพริ้มดูมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หน้าของคิมในวันนี้ดูดีกว่าทุกๆวัน ผมตื่นขึ้นมาแล้วก็นั่งอยู่ได้สักระยะหนึ่ง และกำลังจะออกไปสูดอากาศด้านนอกเพราะผมไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้มานานแล้ว แต่ว่าไม่ทันจะได้ยืน คิมก็คว้าผมไปนอนกอดอีกครั้ง
“อามของคิมจะไปไหนอ่ะ” คิมถามผมทั้งๆที่ยังคงหลับตาอยู่ ผมเห็นแล้วก็ขำว่าคนอย่างคิมทำเป็นมาอ้อนผมได้ด้วยเหรอ
“ไปสูดอากาศน่ะ เราไม่ได้ตื่นเช้าแบบนี้นานมากแล้ว” แล้วผมก็ชวนคิมลุกขึ้นมาครับ คิมยืนทั้งที่ยังง่วงอยู่ แล้วก็เดินตามผมมา อากาศในเช้าวันนี้ช่างน่านอนเสียจริง เวลาที่ผมมีเรื่องเครียดอะไรในใจผมจะชอบมาเดินเล่นแบบนี้ให้ใจสงบ ที่ผมชอบมากคือได้กลิ่นหญ้าอ่อนๆพร้อมๆกับน้ำค้างที่เกาะอยู่ยอกหญ้าดูสวย งามมากจริงๆ พอเดินมาได้สักพักผมก็หามุมสงบๆนั่งลง เพื่อซึมซัมบรรยากาศในเวลานั่น คิมแซวผมว่าผมดูมีความสุขกับต้นไม้ใบหญ้าขนาดนี้ชาติก่อนเป็นกวางเล็มหญ้ารึ เปล่า ผมก็ยิ้มๆไม่ได้พูดอะไรครับ และด้วยความที่เราสองคนนั่งกันอยู่เป็นมุมที่ลับตาคน คิมก็จับแก้มผมไปจูบอีกครั้งนึง ด้วยความนุ่มนวลอีกครั้ง เมื่อจูบกันเสร็จด้วยความที่เป็นตอนเช้าทำให้เห็นสีหน้าสีตาของเราสองคน ชัดเจน ที่ผมงงก็คือแทนที่ผมจะแก้มแดงเพราะเขินที่โดนจูบแต่กลับกลายเป็นคิมที่หน้า แดงซะเอง โดยคิมให้เหตุผลว่า
“ได้เห็นหน้าอามตอนที่จูบชัดๆก็เลยเขิน” โอ้ยตอนเป็นเพื่อนกันไม่เคยเห็นคิมขี้อายขนาดนี้เลย จากนั้นเราก็กอดกันอีกครั้ง แล้วก็นั่งก็กันอยู่นานก่อนจะเดินกลับไปที่หอ พอมาถึงห้องเท่านั้นแหละครับ
“เฮ้ย พวกมึงไปสวีทกันที่ไหนกันมาวะ” ไอ้บีมมันแซวผมครับ
“เดินเล่นแถวนี่แหละ” ผมก็ตอบไปตามปกติ
“พวกมึงอ่ะ ทำอะไรเกรงใจพวกกูกันหน่อยดิ เมื่อคืนก็นอนกอดกันทั้งคืน” ไอ้วินมันทำเป็นว่าครับ แต่จริงๆมันแซวเล่นเพราะมันพูดไปยิ้มไป
“เหรอ เอองั้นกูจะทำมากกว่านี่แหละกัน ใช่ไหมครับอาม” คิมพูดจบก็เข้ามากอดผมเลย
“เฮ้ยๆ พวกมึงอย่าปล้ำกันนะเว้ย” ผมก็เลยด่าไอ้วินมันไปว่า ไอ้บ้าแต่คิมได้แต่อายครับ
“เออ ก่อนพวกมึงขึ้นมาน้องนาวมึงโทรมาด้วยวะอาม” ไอ้บีมมันบอก ผมก็เลยถามว่าแล้วมึงบอกน้องกูว่าไง
“บอกว่าไปเดินเล่นกับแฟน” ผมอึ้งสุดขีด แล้วเหมือนจะหน้าซีดด้วย
“เฮ้ยอามเป็นอะไรไปอ่ะ” คิมถามเพราะเห็นผมอาการไม่ดี ก็เลยบอกว่าถ้าน้องรู้ว่าแฟนเป็นผู้ชายกลัวมันจะไม่เข้าใจ ไอ้บีมก็ขอโทษใหญ่บอกว่ามันแย่เองที่พูดอะไรไม่คิด ผมก็บอกมันไปประมาณว่า
“มึงไม่ผิดหรอก ความจริงก็คือความจริง” แต่ความจริงของผมในตอนนี้คือกลัวนาวเสียใจแล้วกลัวนาวคิดสั้น ผมตัดสินใจโทรกลับไปอีกหลายรอบ แต่ว่านาวปิดเครื่อง ผมก็เลยต้องทำใจว่าคงต้องรออีกสักระยะ นาวคงจะช็อกมาก แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นดูเหมือนคิมจะดูแลผมดีขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายสิบเท่า จนผมหวั่นใจถ้ารู้ว่าในวันหนึ่งไม่ได้รักคิมเท่าทีเขารักผมผมคงรู้สึกผิดไป ตลอดกาล

บทที่ 6 เราสามคน
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน ความดีของคิมทำให้ผมรักคิมมากขึ้นทุกวัน ผมไม่ได้กลับไปหานาวเลยจริงอยู่ที่ว่าผมอาจจะไม่อยากเจอนาวแต่งานที่ มหาวิทยาลัยก็มีมาก เดี๋ยวก็สอบ ไหนจะทำกิจกรรมอีก แล้วนาวก็ไม่ได้โทรหาผมเลยเช่นกัน ผมก็นึกไปว่าบางทีน้องชายสุดที่รักของผมคงจะทำใจได้แล้วและเรื่องที่เกิด ขึ้นระหว่างเราสองคนก็เป็นแค่การอยากรู้อยากลองของเด็กวัยรุ่นเท่านั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งผมก็ได้รับโทรศัพท์จากอานาถ โทรมาถามว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะไม่ได้กลับมาบ้านเลย พวกญาติเขาบ่นว่าคิดถึงกันตลอด ผมก็บอกว่าช่วงนี้เรียนหนัก งานยุ่ง ผมก็เลยถามว่านาวเป็นอย่างไรบ้าง อานาถก็เงียบๆไปก่อนที่บอกว่า
“อืมน้องไม่ค่อยกลับบ้านนะลูก ไม่รู้ว่าไปเถลไถลกับเพื่อนกลุ่มไหน ไม่รู้ว่าอ่านหนังสือบ้างรึเปล่าเพราะอีกไม่นานก็จะสอบแล้ว (ปกติแล้วพวกเด็กมัธยมจะสอบเร็วกว่าเด็กมหาวิทยาลัยอยู่แล้วครับ) แล้วช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรน้องดูเงียบๆไปมากไม่รู้ว่าไปมีปัญหาอะไรมา ถามก็ไม่ยอมตอบบอก อาก็เป็นห่วงไม่รู้จะทำยังไงดี” ผมฟังแล้วก็รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ เลยคิดอยู่นิดนึงก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
“งั้นถ้านาวกลับมาบ้าน ฝากบอกนาวด้วยนะครับว่า อามจะกลับบ้านอาทิตย์นี้”
“จริงๆนะลูก ดีเลยถ้านาวรู้คงดีใจมาก” ผมได้ยินคำนั้นแล้วก็ไม่แน่ใจว่าน้องชายสุดที่รักจะดีใจหรือว่าเสียใจอย่างสุดซึ้งกันแน่
ผมกลับมาบ้านในช่วงเย็นของวันศุกร์ ซึ่งก็เป็นปกติที่ต้องมานอนห้องนาว พอเปิดเข้าไปผมก็ต้องตกใจว่าห้องรกมาก พอถามอานาถอานาถบอกว่านาวไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำความสะอาดเลย สภาพก็เลยรกมาก ผมก็เลยลงมือจัดการทำความสะอาดห้องซะเอี่ยมอ่องเหมือนห้องใหม่ แต่ก็ไปพบกับกับอะไรบางอย่างเป็นกระดาษที่ถูกขยำทิ้งไว้มากมาย อะไรไม่รู้ดลใจให้ผมเปิดอ่านแล้วก็พบข้อความประมาณว่า
“คนที่เรารักเขาไม่รักเราแล้ว” อ่านแล้วผมก็ได้แต่ถอนหายใจ คืนนั้นไอ้นาวก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับซะที ผมง่วงก็เลยเข้าห้องไอ้นาวไปนอนก่อน ผมหลับไปได้สักพักคิมก็โทรมา ผมก็งัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์
“อามนอนแล้วเหรอ”
“ก็ง่วงแล้วอ่ะ ป่านนี้คิมยังไม่นอนอีกเหรอ”
“คงนอนไม่หลับหรอก เพราะคืนนี้ไม่มีใครให้กอด คงเหงาพิกล” ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา คิมกับผมนอนกอดกันทุกคืน ผมไม่กลับบ้านคิมก็ไม่ยอมกลับบ้านเลย จนกระทั่งพ่อกับแม่ของคิมต้องมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อมากินข้าวด้วยเพราะไม่ ได้เจอหน้าลูกชายนานแล้ว คิมก็พาผมมากินข้าวกับพ่อแม่ด้วย คิมไม่ได้แนะนำว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน แต่เหมือนท่านทั้งสองน่าจะพอทราบความสัมพันธ์ของเราสองคนแต่ก็ท่านปฏิบัติ กับผมดีมากแถมยังฝากฝังคิมให้ผมดูแล (ผมแอบคิดในใจว่าไม่รู้ใครดูแลใครกันแน่)
“ก็เปลี่ยนบรรยากาศไง ไม่กี่คืนเอง”
“เราจะโทรหาอามบ่อยๆนะ ฝันดีครับ” ทันทีที่ผมวางสาย ผมได้ยินเสียงตามมาจากด้านหลังทันทีว่า
“แฟนโทรมาเหรอ” ไม่รู้ว่าไอ้นาวโผล่มาตอนไหน
“นาวมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็มาตั้งแต่ตอนที่พี่อามสวีทกับแฟนอยู่นั่นแหละ ว่าแต่แฟนพี่อามน่ะผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ชื่อ คิม แล้วบอกว่าฝันดีครับคิดว่าเป็นผู้หญิงรึเปล่าล่ะ” ผมไม่รู้ว่าไอ้นาวมันทำหน้ายังไงนะครับ เพราะในห้องตอนนั้นปิดไฟอยู่ มีแต่แสงสลัวๆจากหน้าต่าง ผมเลยเดินลุกขึ้นไปจะเปิดไฟว่าจะคุยกับนาวในหลายเรื่องๆ แต่ว่าทันทีที่ผมลุกออกจากเตียง นาวก็ดึงแขนผมไว้แล้วคว้าไปกอดทันที ไอ้นาวกอดผมแน่นมาก ถึงไฟปิดแต่ผมก็รับรู้จากการสัมผัสได้ว่าน้องชายของผมโตขึ้นมากแม้ว่าจะไม่ ได้เจอกันแค่หนึ่งเดือน แล้วที่สุดนาวก็ร้องไห้
“นาวร้องไห้ทำไม” เวลาที่น้องร้องแล้วผมอยากจะร้องตามไปด้วย แต่ก็ต้องข่มใจไว้
“ก็ คนที่เรารักไปเป็นคนรักของคนอื่นแล้ว จะให้นาวหัวเราะดีใจหรือไง” ผมก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อครับ ได้แต่คอยบอกนาวว่าอย่าร้องไห้ได้ไหม พี่ฟังแล้วมันปวดหัวใจ
“พี่อามรักแฟนพี่อามจริงๆเหรอ”
“รักสิ ไม่รักจะเป็นแฟนกันได้ไง”
“ไม่จริงหรอก พี่อามน่ะรักนาว เป็นของนาวคนเดียว”
“พี่ก็รักนาวนะ แต่เป็นน้องชายสุดที่รักไง”
“เป็น คนรักไม่ได้เหรอ” ผมพยายามบอกว่าความรักมีหลายรูป พี่ก็รักนาวแบบน้องไง แต่ว่านาวไม่ฟังครับ ในที่สุดนาวก็ดึงผมไปจูบผมพยายามปัดออกแล้วแต่ฝืนแรงนาวไม่ไหว ผมไม่อยากนอกใจคิม ที่สุดนาวก็พยายามมาไซร้ซอกคอผมแล้วพยายามถอดเสื้อผ้าผมออก ผมผลักนาวออกทันทีตอนที่นาวเผลอ แล้วพยายามออกไปนอกห้อง นาวก็มาตะครุบตัวผมไว้ ทันทีที่ผมลงไปกองกับพื้น นาวก็ต่อยท้องผมจนจุก ผมพยายามจนขัดขืนแล้วแต่ก็สู้แรงนักกีฬาอย่างนาวไม่ได้ เสื้อผ้าของผมถูกถอดออกไปจนหมดสิ้น นาวจู่โจมผมอย่างหื่นกระหายและรุนแรง ใช้ริมฝีปากสัมผัสร่างกายผมไปทุกส่วน ผมเหมือนตัวเองกำลังจะหลอมละลายและกลัวว่าความเกินเลยที่กำลังจะเกิดกับน้อง ชายตัวเองจะนำมาสู่ความวุ่นวายในใจของผมอย่างไม่สิ้นสุด
หลัง จากที่ได้ สัมผัสนาวได้สัมผัสร่างกายผมอย่างหนำใจ นาวก็ลากผมขึ้นเตียงตอนนั้นผมเริ่มมีแรงก็เลยผลักนาวลงได้อีกครั้ง แต่ว่าก็โดนนาวสวนหมัดเข้าที่ท้องอีกทำให้ผมหมดแรงไปด้วยปริยาย นาวรีบวิ่งเข้าไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วค้นอะไรบางอย่างออกมา นาวหยิบมาพันคอออกมา ผมเริ่มรู้โดยทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น นาวเอาผ้าพันคอผูกมือทั้งสองของผมไว้กับหัวเตียง (เตียงนาวเป็นแบบราวเหล็กน่ะครับ ก็เลยสามารถผูกมือผมไว้ที่เสาได้ ผมพยายามดิ้นสุดชีวิตเท่าที่ผมทำได้แต่ไม่เป็นผล ผมร้องไห้อย่างมากมายเพราะทำอะไรไม่ได้ เมื่อนาวได้ยินเสียงร้องไห้ของผม (นาวไม่เห็นน้ำตาของผมเพราะแสงค่อนในข้างสลัว) นาวก็เอามือมาปาดน้ำตาที่แก้มผม
“พี่อามอย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวเรากำลังจะมีความสุขกันแล้วนะ” จากนั้นนาวก็เข้ามาไซร้ที่ซอกคออีกครั้ง
“นาวหยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นพี่จะโวยวายให้ลั่นบ้านจริงๆด้วย”
“พี่ อามไม่โวยวายหรอก เพราะนาวรู้ว่าพี่อามอาย แล้วก็ไม่อยากทำร้ายนาวให้อับอายด้วย เพราะพี่อามรักนาวไง” พูดจบนาวก็ใช้ริมฝีปากสัมผัสร่างกายผมอย่างต่อเนื่อง
“คนที่เขารักกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอก พี่ไม่อยากนอกใจแฟนพี่” ผมพยายามหาคำอธิบายให้นาวหยุดการกระทำนี้ แต่นาวเอามือมาจับหน้าผมไว้อย่างแรงแล้วเอาหน้าตัวเองเข้ามาใกล้ๆแล้วพูดว่า
“แล้วที่พี่อามนอกใจผมไปหาคนอื่น ผมไม่ยอมหรอก พี่อามเป็นของผม”
“นาวเป็นน้องไม่ใช่แฟนพี่ พี่ไม่ใช่ของนาว”
“พี่ อามเป็นของผม” นาวพูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด แล้วใช้มือบีบหน้าอกผมอย่างรุนแรง จนผมสะดุ้งโหยง แล้วก็เอามือมาเคล้าคลึงที่ท่อนลำผมจากแผ่วเบาจนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ผมไม่ได้มีความสุขเลย แต่ผมรู้สึกเจ็บจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น จนทำนบน้ำกามของผมกำลังใกล้แตกเข้าไปทุกขณะ
“นาว พอได้แล้ว พี่จะไม่ไหวแล้ว” แต่คราวนี้ก็เหมือนทุกครั้งนาวไม่ฟังผม พร้อมกับที่ผมเห็นลางๆว่านาวก้มลงไปที่ท่อนลำของผม พร้อมกับใช้ปากงับที่ส่วนหัวและใช้ลิ้นแลบเลียไปพร้อมๆกัน จนที่สุดแล้วท่อนลำของผมก็กระตุกแล้วพ่นหยาดหยดของความเป็นชายออกมาสู่ปาก นาวอีกครั้ง และนาวก็ทำแบบเดิมคือการรีดเลียมันไปจนไม่เหลือพร้อมๆกับการใช้ปากที่สาละวน กับท่อนลำผมอยู่นาน จนผมต้องยกก้นลอยขึ้นด้วยความเสียว เมื่อผมยกก้นขึ้นนาวก็เอามือมาจับก้นทั้งสองข้างผมไว้ พร้อมๆกับบีบเค้นมันอย่างเมามือ จนผมเผลอครางออกมา
“เห็น มั้ย บอกแล้วว่าเรากำลังจะมีความสุขกัน” นาวพูดด้วยความเมามัน น้ำเสียงนาวดูเหมือนคนที่กำลังหน้ามืด เหมือนผมตอนแรกๆที่แกล้งน้องนาวไม่มีผิด ผมจึงตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างให้นาวรู้สึกสะอึก
“ใคร บอกละ พี่กำลังนึกว่าตัวเองกำลังมีความสุขตอนมีอะไรกับคิมต่างหาก” ทันที่ผมพูดประโยคนี้จบทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบ ทันทีที่นาวเผลอ เท้าของผมที่ยังไม่ถูกมัดผมก็ใช้เท้าถีบนาวทันที จนนาวลงไปนอนหงายก็อยู่ที่พื้น ผมพยายามเขย่ามือตัวเองที่ถูกมัดจนหลุด เพราะผ้าพันคอไม่ได้แน่นมาก แล้วก็รีบเดินไปเปิดไฟ เพื่อหาเสื้อผ้าของตัวเอง ผมรีบใส่เสื้อผ้าของตัวเองโดยที่ไม่ทันสังเกตนาว แต่เมื่อผมมองไปที่นาว นาวนอนแผ่หลาหลับตาลงเหมือนคนหมดสติ ผมตกใจรีบเข้าไปประคอง กลัวว่านาวจะเป็นอะไร แต่เอาเข้าจริงๆพอนาวลืมตาขึ้นมา นาวดูโกรธผมมากบอกผมว่าอย่ามายุ่ง ผมพยายามเข้าไปดูว่านาวเป็นอะไรมากมั้ย แต่ก็โดนนาวเอามือปัด แต่ว่ามือนาวที่ปัดนั้นแรง แล้วก็โดนแก้มผมดังเพี้ยะ สรุปง่ายๆก็คือผมโดนนาวตบหน้านั่นเอง ผมตะลึงส่วนนาวก็อึ้งไม่แพ้กัน ที่สุดผมก็ร้องไห้ไม่ใช่เพราะเจ็บหรอกครับ แต่สะใจที่ตัวเองโดนลงโทษซะบ้าง (เหมือนโรคจิตเลยนะครับ แต่มันเป็นความรู้สึกอย่างงั้นจริงๆ) นาวเองเข้ามากอดผมไว้อย่างเนิ่นนาน ร้องไห้เสียใจ บอกกับผมว่าไม่ตั้งใจ แล้วเข้ามาเอามือผมไปจูบเหมือนว่าจะขอโทษ เข้ามาคลอเคลียผมไม่ห่าง ผมต้องหลับตาเอาไว้ ไม่ใช่เพราะโกรธหรอกครับ แต่เพราะไม่อยากให้นาวเห็นความหวั่นไหวในใจ เขาบอกกันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ผมไม่อยากลืมตาแล้วปล่อยให้น้องจับได้ว่าตัวเองกำลังหวั่นไหว และคำที่บอกว่ากำลังคิดถึงตอนที่มีอะไรกับคิมก็ไม่เป็นความจริง เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมานั้นเราสองคนไม่ได้มีอะไรกันเพราะสถานการณ์ไม่ได้ เอื้ออำนวย อย่างมากก็แค่ใช้ปากปรนเปรอให้กันเท่านั้น
แม้ ว่าผมจะหยุด ร้องไปแล้วแต่ว่านาวก็ไม่ได้หยุดตามไปด้วย ยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น ปลอบเท่าไหร่ ก็ไม่หยุดสักทีผมก็เลยตัดสินทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะทำคือ ผมตัดสินใจจูบนาว และจูบอย่างเนิ่นนาน ริมฝีปากของนาวอาจจะไม่นุ่มเหมือนคิม แต่กลับให้ความรู้สึกร้อนแรงเพราะนาวตอบสนองการจูบของผมอย่างเร่าร้อน ลิ้นของผมไม่ได้กระดิกเลยเพราะโดนลิ้นนาวสอดแทรกเข้ามาตลอด ผ่านไปนานมือของนาวก็อยู่ไม่สุขเพราะเอามือมาเคล้าคลึงบั้นท้ายผมตลอดเวลา ทำให้ผมรู้สึกว่า น่าจะพอได้แล้วก่อนที่จะเกิดเหตุไม่คาดคิดอีก
“พี่จูบนาวเองขนาดนี้ นาวยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“ขอมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ” นาวอ้อนวอนผมอย่างน่าสงสาร
“ทำแค่นี้ก็ไม่ดีแล้วนะ แค่นี้พี่กำลังรู้สึกผิดกับคิมจะแย่อยู่แล้ว”
“ถ้างั้นเวลาที่พี่อามอยู่กับนาวขอนอนกอดพี่อามตลอด ขอสัมผัสตัวของพี่อามได้มั้ย”
“ถ้าแค่นี้ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“สัญญา แล้วนะ” ผมก็คิดว่ามันแค่ขอกอดกับแค่สัมผัสตัวเองคงไม่เป็นไร ความหมายคำว่าสัมผัสของผมก็แค่คิดว่าไอ้นาวอาจอยากจับใช้มือจับแก้ม อยากใช้มือโอบผมอะไรแบบนั้นแต่ว่าความหมายของนาวกลับตีความเข้าข้างตัวเอง สุดๆ เพราะทันที่บอกว่าสัญญา นาวก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อผมออกอีกครั้ง ผมตกใจก็เลยพยายามปกป้องตัวเองแล้วบอกว่าเฮ้ยนี่จะปล้ำพี่อีกแล้วเหรอ นาวพูดบางอย่างที่ทำให้ผมจดจำมาตลอด
“ไหนบอกว่า สัญญาแล้วไง นาวไม่ได้บอกนี่ว่าจะใช้อะไรสัมผัส แต่นาวรับรองว่านาวจะไม่ปล้ำพี่อามหรอก พี่อามไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะเสียประตูหลังให้นาว ไหนๆพี่อามก็มีแฟนไปแล้ว พี่อามจะเห็นใจน้องที่รักพี่อามมาตลอดไม่ได้เหรอ ให้ผมได้รู้สึกว่าพี่อามยังเป็นของผมไม่ได้เหรอ ผมรู้ผมแทนที่แฟนพี่อามไม่ได้หรอก” ทันทีที่อามพูดจบผมก็ได้แต่นิ่งเงียบแล้วก็สงสารน้องไปพร้อมๆกัน เมื่อนาวเห็นว่าผมเงียบไม่ได้พูดอะไร นาวก็ค่อยๆถอดเสื้อผมออก แล้วก็จูบพรมไปทั่วทั้งที่ ต้นคอ หน้าอก แผ่นหลัง ผมบอกตามตรงว่าผมรู้สึกดีกับที่รู้สึกผิดไปพร้อมกัน หลังจากนั้นนาวก็พยุงผมขึ้นเตียงแล้วถอดกางเกงนอนของผมออก นาวมองผมอยู่นานแล้วบอกว่าดีจังที่เห็นผมเปลือยชัดๆอีกครั้ง แล้วนาวก็ใช้มือสัมผัสผมเบาๆร่างกายผมเบาๆมันรู้สึกสยิวไปหมดจนผมครางออกมา นาวก็ยิ้มดีใจที่ดูผมจะมีความสุข และนาวก็กำลังจะใช้ปากสัมผัสท่อนลำของผมอีกครั้ง ผมเลยต้องเอามือไปจับหน้านาวไว้ แล้วบอกว่าทำแบบนี้ไม่เบื่อบ้างเหรอ
“ถ้า นาวชอบอะไรแล้วนาวไม่เบื่อหรอก ถามแบบนี้เกรงใจอยากทำแบบนี้ให้นาวหรือไง” ผมก็เลยต้องเงียบเลยครับ คราวนี้พอนาวทำด้วยความนุ่มนวลผมพอใจจนต้องร้องครางออกมาตลอดเวลา นาวดูจะเก่งขึ้นอีกแล้ว ที่สุดแล้วผมก็เสร็จคาปากนาว แล้วนาวก็ทำแบบเดิมอีก จนผมต้องบอกให้นาวไปคายน้ำกามทิ้งซะ เพราะว่ามันไม่ใช่ของกิน แต่นาวก็ไม่ฟังพร้อมบอกว่าที่กลืนลงไปเหมือนว่าผมได้ไปอยู่ในตัวนาวแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง จากนั้นนาวก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนหมด แล้วเข้ามากอดผมให้เนื้อแนบกับเนื้อ แล้วก็ลูบไล้ผมไปทั่วตัว ผมต้องพยายามเกร็งมือตัวเองไม่ให้เผลอไปสัมผัสกับเนื้อตัวน้องด้วย แล้วนาวก็จัดการตัวเองให้เสร็จตามไปด้วย ถ้าหากเป็นคิมผมคงร่วมด้วยช่วยกันเสร็จตามไปแล้ว แต่ว่าถ้าทำแบบนี้กับนาวแสดงว่าผมกำลังมีใจไปด้วย และเรื่องอาจจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ก็เลยต้องทำเป็นอยู่เฉยๆ ทั้งที่ๆพอใจแต่ก็พูดออกมาไม่ได้ พอเช้าขึ้นมานาวก็ยังนอนกอด ยังซุกไซร้ที่ตัวผม มือก็อยู่ไม่สุขคอยจับนู่นจับนี่ตลอดเวลา พอท่อนลำผมแข็งนาวก็จะจัดการผมอีก ผมต้องบอกนาวว่าพอแล้ว เพราะไม่อยากจะหมดแรงไปซะก่อน
จาก นั้นมาทุกครั้งที่อยู่กันสองคนนาวก็จะ ทำแบบนี้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสเมื่อไหร่นาวจะจูบผมตลอดเวลาแต่ผมต้องอยู่นิ่งๆไม่มี ปฏิกิริยาตอบโต้ต่อรสจูบของนาว แม้ผมจะมีความสุขแต่ก็รู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน แต่ก็ต้องทำเพราะไม่อยากให้น้องเสียใจแล้วไปเสียคนและเป็นการยับยั้งความ สัมพันธ์ของเราสองคนไม่ให้เกินเลยไปพร้อมๆกัน

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails

Like Box

Comments.