November 19, 2009

เปิดซิงน้องชายตัวเอง 2



บทที่ 7 รสรักสองหนุ่ม
ช่วง ปิดเทอมซัมเมอร์เป็นอะไรที่ดีกับผมมากเพราะนาวมีโปรแกรมต้องไปแข่งกีฬาหลาย ที่ (จริงๆก็ไม่ใช่เทนนิสหรอกครับ แต่ไม่ขอบอกนะครับว่าเป็นอะไร) ผมก็เลยหาโอกาสไปเที่ยวทางใต้กับคิม เพราะช่วงหน้าร้อนผมว่าภาคใต้บ้านผมน่าเที่ยวกว่าภาคอื่น แต่ผมก็ขี้เกียจไปเที่ยวทะเลครับเพราะเบื่อแล้ว เลยพาคิมไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติกันดีกว่า มันเป็นอะไรที่ดีมากเพราะอยู่ในป่าอากาศก็ไม่ค่อยร้อน แถมเป็นส่วนตัวสุดๆเนื่องด้วยสัญญาณมือถือเข้าไม่ถึงไอ้นาวก็ไม่มีทางจะตาม ตัวผมได้ ผมกับคิมได้ใช้เวลาอยู่กันอย่างเต็มที่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม เราสองคนก็เดินป่าเยอะเหมือนกัน คิมจะชอบวาดรูป ส่วนผมก็ชอบดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย และ....แน่นอนครับผมกับคิมก็ตกเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ แรกๆก็เก้ๆกังๆนะครับเพราะต่างคนก็ไม่มีเคยมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน (แม้ว่าผมจะเกือบไปแล้วก็เถอะ) แต่เราก็ช่วยกันครับ แม้ว่าอากาศในป่าจะเย็นแต่ไม่ได้ช่วยให้เราลดความเร่าร้อนของกันลงได้เลย เราก็พบว่า ผมกับคิมต่างคนก็ต่างเป็นโบทที่ยอดเยี่ยม (เล่าไปจะมีใครเชื่อมั้ยเนี่ย) ไม่รู้ทำไมเราสองคนต่างเหมือนรู้ว่าจะรุกเร้ากันและกันให้เจอจุด G-Spot ของอีกคนหนึ่งได้อย่างไร ถ้าให้บอกตามตรงก็คือคราวที่ใครโดนเสียบก็จะถึงออกัสซั่มกันตลอด ผมกับคิมต่างน้ำแตกโดยไม่ต้องชักกันหลายครั้งหลายครา ทำให้ต้องหาที่พักออกมาอยู่ให้ห่างๆจากที่คนอื่นเขาอยู่กันเพราะต่างคนต่าง ร้องระงมดังกันลั่นป่า แต่ผมจะเสียเปรียบหน่อยเพราะทอนลำของคิมจะใหญ่เวลาที่ผมโดนเสียบก็จะเจ็บ ทำให้พอโดนไปหลายๆทีติดกันก็จะระบม พอออกจากป่า คิมต้องคอยประคองผมตลอดเวลา เพราะขามันสั่นไปหมดเลย ก่อนจะกลับมาพยาบาลกันที่บ้านผมซึ่งอยู่ทางใต้เหมือน เราสองคนต่างก็ต้องงดเสียบไปประมาณหนึ่งอาทิตย์เพื่อพักฟื้น แต่ไม่วายก็ผมยังเมื่อยปาก เพราะพอคิมได้เสียบก็ดูเหมือนจะต้องการถี่มาก แต่จะว่าคิมอย่างเดียวก็ไม่ถูกเพราะคิมก็น่าจะเมื่อยปากไม่แพ้กัน และหลังจากที่เรามีอะไรกันโดยสมบูรณ์ผมก็มีความรู้สึกว่าคิมหวงผมมากกว่า เดิม อย่างเช่นมีอยู่คราวหนึ่งผมไปลงเล่นน้ำตกพร้อมคิมและเพื่อนๆ โดยปกติแล้วผมก็ถอดเสื้อเล่นน้ำตามปกติ แต่ว่าคราวนี้พอจะถอดเสื้อคิมมองผมตาเขียวจนผมงง เลยต้องเดินเข้าไปถามคิมว่ามีอะไรหรือเปล่า คิมบอกผมว่า
“ไม่ ถอดได้มั้ย หวงไม่อยากให้ใครดู” ซึ่งทำให้ผมเถียงว่าผมเป็นผู้ชายแค่ถอดเสื้อไม่เห็นจะโป๊ตรงไหน แล้วทำไมคิมถอดได้แล้วผมจะถอดไม่ได้
“อย่า เถียงได้มั้ย เนื้อตัวอามน่ะต้องเก็บไว้ให้คิมดูคนเดียว อามเป็นของคิม” เฮ้ยทำไมคำพูดมันดูคล้ายกับนาวเลย เราก็เลยเถียงกันอยู่นานด้วยเรื่องงี่เง่านี้นานมาก แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอมเพราะว่าคิมร้องไห้ขึ้นมา ผมตะลึงเพราะไม่เคยเห็นคิมร้องไห้จากกันที่ทะเลาะกันมาก่อนเลย เพื่อนๆต่างก็ตกใจไปตามกัน ไอ้บีมเห็นผมหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูกเลยต้องเข้ามาตบไหล่ให้ผมมีสติให้ไปคุยกับ คิมให้ดีๆ ผมก็เลยต้องเข้าไปโอบกอดคิม แล้วก็ขอโทษคิมยกใหญ่ คิมพูดว่า
“เรา ทำให้อามได้ทุกอย่าง อามจะทำแค่นี้เพื่อเราไม่ได้เหรอ” ผมได้ฟังแค่นั้น ก็เลยยอมแต่โดยดีเพราะเห็นแก่ความรักที่คิมมีให้ผม และอาจจะเป็นเพราะเรื่องของนาวด้วย นอกจากนี้คิมจะโอบกอด จูงมือผมต่อหน้าคนอื่นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย เวลาไปเที่ยวที่มีวิวทิวทัศน์สวยๆบางทีผมชอบไปยืนหรือนั่งชมวิว คิมจะเข้ามากอดผมไว้ไม่ห่าง จนเพื่อนๆแซวว่าพวกมึงอย่าสวีทกันตลอดเวลาได้มั้ยพวกกูไม่อยากโดนฟ้าผ่าตาย ผมเองก็สงสัยว่าทำไมคิมถึงกล้าแสดงออกขนาดนี้ทั้งที่เมื่อก่อนถ้าอยู่กับคน อื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวหรือเพื่อนจะแสดงออกเหมือนเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าคนที่ช่างสังเกตจะรู้ว่าเราสองคนน่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน
เวลา ผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั่งนาวเริ่มเข้าสู่มัธยมฯปลาย การที่พบเจอหน้านาวอย่างมากก็สัปดาห์ละครั้ง ทำให้ผมเห็นพัฒนาการทางร่างกายของนาวอย่างต่อเนื่อง จากเด็กชายกลายเป็นเด็กหนุ่มที่รูปร่างสูงโปร่ง อุดมไปด้วยกล้ามเนื้ออันสวยงามตามแบบหนุ่มวัยฉกรรจ์ หน้าตาก็หล่อเหลา และแน่นอนว่าแก่นกายความเป็นชายก็ขยายออกไปกว่าเดิมมากและดูเหมือนว่าจะ มากกว่าของพ่อตัวเองด้วย ทำให้ผมนึกถึงพวกนักแสดงหนุ่มๆของค่ายหนังเบลลามี่น่ะครับ ไอ้นาวก็เป็นประมาณนั้นเลย ผมก็รู้สึกภูมิใจเหมือนกันว่าน้องเรามันหน้าตาดี แล้วก็มีน้องๆผู้หญิงหน้าตาน่ารักมาชอบนาวกันมากมาย
จน วันหนึ่งผมเองก็ พยายามจะเชียร์ให้นาวคบกับใครไปสักคนเพื่อที่จะได้ยุติความสัมพันธ์ที่ยุ่ง เหยิงระหว่างเราสองคนลง และพยายามบอกนาวว่าสิ่งที่นาวรู้สึกกับผมอาจเป็นแค่ความเผลอไผลไปเป็นบาง เวลาตามประสาวัยรุ่น แต่ผมโดนนาวตอกกลับมาว่า
“ถ้า ไม่คิดจะรักกัน ก็อย่ามาไล่นาวให้ไปอยู่กับคนอื่น อย่าให้นาวรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลย” พูดจบนาวก็น้ำตาปริ่มขึ้นมา ผมทำผิดกับน้องอีกแล้วครับ พอตกกลางคืนนาวเหมือนจะกอดจูบลูบไล้ผมมากกว่าปกติ เหมือนจะบอกกับผมว่าเขาเป็นเจ้าของของผม แม้ว่าผมจะไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆก็ตาม แต่ความจริงแล้วผมต้องอดทนแทบตายที่จะไม่แสดงความพอใจออกมา
แล้ว ผมก็ คิดแผนบางอย่างได้ว่าอาจจะทำให้นาวตัดใจจากผมได้ซะที ก็คือผมตัดสินใจทำเป็นแกล้งละเมอชื่อคิมออกมาบ่อยๆเพื่อแสงให้เห็นว่ายังไง ผมก็จะไม่ตัดใจจากคิม ทั้งเรียกชื่อคิม บอกว่าคิดถึงคิม ผมรักคิม ไปจนถึงแสดงท่าทีว่าตัวเองกำลังเมคเลิฟกับคิมอยู่ แต่ผมก็ทำผิดอีกแล้วครับ นาวตัดสินใจเอาผ้ามามัดปากไม่ให้ผมพูดต่อ แล้วมัดผมกับเตียงก่อนที่จะใช้มือและปากจู่โจมไปที่ท่อนลำผมจนหยาดหยดความ เป็นชายของผมทะลักทลาย แต่คราวนี้เหมือนนาวจะไม่หยุดแค่การสัมผัสผมอีกต่อไป แต่เริ่มใช้นิ้วของตัวเองชโลมกับวาสลีน ผมรู้แล้วว่านาวกำลังจะทำผิดสัญญา ผมจึงพยายามดิ้นสุดชีวีต แล้วพยายามใช้เท้าถีบ แต่คราวนี้นาวจับเอาเท้าผมไว้ได้จากนั้นก็มัดขาผมไว้ข้างหนึ่ง มือหนึ่งจับขาผมให้ตั้งขึ้นแล้วพยายามอ้าให้กว้างๆจากนั้นก็จับไว้แน่น อีกมือหนึ่งกำลังจะเอานิ้วที่ชโลมวาสลีนแล้วสอดเข้าไป ผมดิ้นสุดฤทธิ์แต่ก็ไม่อาจจะหยุดการกระทำของนาวในครั้งนี้ได้
“นี่ติดใจมากขนาดเพ้อเลยเหรอ แสดงว่าโดนมาเยอะละสิ ดีนาวจะทำให้พี่อามรู้ว่านาวก็ลีลาดีไม่แพ้แฟนพี่หรอก” จากนั้นนาวก็ค่อยๆเอานิ้วที่ชโลมวาสลีนแล้วค่อยสอดเข้าไปในร่องก้นของผม (รู้สึกว่าจะสองถึงสามนิ้ว) ผมสะดุ้งโหยงแล้วรูก้นผมก็ตอดนิ้วนาวอย่างอัตโนมัติ นาวเอานิ้วเสียบเข้าเสียบออกอยู่หลายครั้ง จนผมเริ่มเสียวและที่สุดท่อนลำของผมก็แข็งขึ้นเรื่อยๆ นาวก็เอาปากมาครอบท่อนลำของผมพร้อมกับใช้นิ้วเสียบก้นผมไปพร้อมกัน จากนั้นพอนาวพอใจ นาวก็หยุดแล้วขยับตัวมากระซิบข้างหูผม
“ทำไมฟิตดีจังเลย นี่แค่ใช้นิ้วนะเนี่ย ว่ายน้ำบ่อยละสิ เดี๋ยวจะถึงตอนสำคัญแล้วนะครับที่รักของผม” จากนั้นนาวก็เข้ามาละเลงที่หัวนมทั้งสองข้าง ถึงผมจะเสียวแต่เครียดมากกว่าก็เลยเริ่มร้องไห้ เหมือนนาวจะได้ยินเสียงว่าผมร้องไห้ก็เลยเงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดแบบที่ผมตกใจสุดๆขีด
“อย่ามาบีบน้ำตาหน่อยเลย พี่อามน่ะเป็นมารร้าย ทำให้นาวหลงรัก แล้วก็หนีไปมีคนอื่น แถมยังไล่นาวให้ไปไกลๆอีก พี่อามควรจะโดนอามลงโทษมาตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกบทลงโทษของนาวมีแต่ความเสียว” จากนั้นนาวก็ไปเอาผ้ามาผูกปากตัวเองเหมือนจะกันตัวเองไม่ให้ร้องเสียงดัง แล้วเอาวาสลีนมาทารูก้นผมแล้วเอาท่อนลำของตัวเองที่ใหญ่และยาวดันเข้ามาทีละ นิด ในขณะที่ผมพยายามเกร็งก้นสุดขีด เพื่อไม่ให้นาวดันท่อนลำเข้ามาได้ นาวเหมือนจะรู้ก็ดันเข้ามาอีกจนสุดลำ จากนั้นก็ซอยไม่ยั้ง ผมรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังตัวจะขาด ยังดีที่ว่าผมไม่โดนเสียบเป็นครั้งแรกไม่งั้นป่านนี้คงก้นแหกไปแล้ว ผมรู้ว่าผมเสียวเพราะด้วยความที่ท่อนลำยาวพอที่จะสะกิดโดนจุด G-Spot ของผม(เคยอ่านในเว็บหนึ่งถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าจุดนั้นจะอยู่บริเวณต่อมน้ำ กาม) แต่ก็รู้สึกผิดเพราะคิดถึงคิมไม่รู้ว่าจะมองหน้าคิมอย่างไร สุดท้ายแม้ว่าจะไปถึงจุดออกัสซั่มโดยไม่ต้องชักเหมือนกับตอนที่โดนคิมเสียบ แต่ผมรู้สึกไม่มีความสุข ส่วนนาวไม่ต้องพูดถึงนาวก็น้ำแตกไปพร้อมกับผมแล้วหลั่งเข้าในตัวผม แล้วก็แช่ท่อนลำตัวเองอยู่นาน ผมรู้สึกหมดแรง นาวค่อยๆแก้มัดผมออก จากนั้นก็ทิ้งตัวลงมากอดผมแล้วก็แนบศีรษะผมไว้กับหน้าอกของตัวเอง
“เจ็บ มากใช่ไหม นาวขอโทษนะ พี่อามจะโกรธนาวก็ได้นะ แต่อย่าเกลียดนาวเลย นาวรู้ว่าพี่อามไม่เลือกนาวหรอก ขอแค่นาวเป็นเจ้าของพี่อามบางเวลาบ้างก็พอ” แล้วผมก็ได้แต่ร้องไห้
“อย่า ร้องไห้เลยนะ พี่อามร้องไห้แล้วนาวใจไม่ดี” พูดจบแล้วนาวก็เอาผมมากอดไว้ ตอนนั้นต่างคนต่างเปลือยอยู่เลยครับ นาวบอกกับผมประมาณว่าดีจังได้กอดพี่อามแบบนี้ นึกถึงตอนตัวเองยังเด็กที่ชอบแก้ผ้ากอดผม แล้วนาวก็จูบผมเป็นระยะตลอดคืน ที่ผมรู้เพราะผมรู้สึกว่าคืนนั้นนอนไม่หลับ เพราะพอจะหลับก็ฝันเห็นคิมมาบอกว่า
“คิม รักอามนะ อามเป็นของคิม” ผมเลยไม่กล้าหลับเพราะกลัวว่าจะฝันเห็นคิมอีก แต่ก็หลับตาเพราะกลัวว่านาวจะทำอะไรผมอีก พอเช้ามาผมก็รู้สึกมีไข้ นาวก็เลยป้อนข้าวเช้าผมกิน แล้วป้อนยา จากนั้นก็เช็ดตัวให้ผม บังเอิญว่าผมได้ยินเสียงมือถือดัง แต่ผมไม่ได้รับ คนที่รับคือนาว ปรากฏว่าเป็นคิมที่โทรมา นาวก็บอกว่าผมไม่สบายเลยไม่ได้มาคุย แต่ที่ผมรู้สึกกังวลไปกว่านั้นเพราะเมื่อคุยไปคุยมา เหมือนว่าคิมจะคุยถูกคอกับนาวมาก พอวางสายผมก็เลยถามว่า นาวกำลังจะทำอะไร
“ก็ ตีสนิทไง ถ้านาวเข้ากับพี่คิมได้ นาวจะได้หาโอกาสอยู่กับพี่นาวมากขึ้น” ผมฟังแล้วรู้สึกกังวลว่านาวจะทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับคิมมีปัญหา
“นอกจากนาวผิดสัญญาจนได้พี่สมใจอยากแล้ว นาวจะทำให้พี่ผิดใจกับคิมอีกเหรอ” นาวเข้ามาแตะแก้มผมแล้วบอกว่า
“นาว ไม่คิดจะแทนที่ใครหรอก นาวก็แค่อยากอยู่กับพี่อามอย่างเปิดเผยบ้าง ไม่ต้องหลบๆซ่อนแบบนี้” แล้วนาวก็คว้าผมมากอด แล้วเข้ามากอดจูบลูบไล้ผม เพื่อที่จะดำเนินเกมรักของเราอีกครั้ง
นาว พยายามเริ่มเกมส์รักกับผมอีก ครั้งโดยพยายามล่วงล้ำเข้ามาในตัวผม แต่ผมบ่ายเบี่ยงเพราะไม่สบายอยู่หากโดนนาวเสียบเข้ามาอีกรอบคงถึงขั้นคาง เหลือง นาวเห็นท่าไม่ดีก็เลยบอกกับผมว่า
“งั้นเราเปลี่ยนกันนะ” ผมตกใจอุทานออกมาว่า
“เฮ้ยอย่าบอกนะว่า” ผมพอจะเดาออกแล้วครับ
“ก็พี่อามเป็นของนาวแล้ว คราวนี้นาวเป็นของพี่อามบ้างไง” นาวไม่รอช้าว่าแล้วก็เอาวาสลีนมาป้ายนิ้วตัวเองแล้วลองสอดเข้าไปในก้นตัวเอง
“อืม แน่นจัง คงต้องให้ชินมือสักพัก” แต่ผมก็พยามหยุดนาว เพราะกลัวว่าน้องจะเจ็บมากเพราะเป็นครั้งแรกด้วย แต่นาวปฏิเสธแล้วบอกให้ผมอยู่เฉยๆเดี๋ยวจัดการเอง แล้วนาวก็เอามืออีกข้างหนึ่งที่ยังว่างมากระตุ้นท่อนลำของผมให้แข็งไปพร้อม กัน สักพักพอนาวรู้สึกว่าตัวเองและผมน่าจะพร้อมแล้ว ก็มานั่งคร่อมตัวผมแล้วจับท่อนลำของผมให้ตรงแล้วค่อยๆดันก้นตัวเองลงไปโดย ไม่ลืมจะป้ายวาสลีนที่ก้นตัวเองเพื่อความหล่อลื่น นาวเอามือหนึ่งยันไว้กับเตียง อีกมือก็จับท่อนลำของผมแล้วค่อยๆดันเข้าไป ผมกลัวน้องเจ็บก็เลยเอามือตัวเองไปช่วยรองที่สะโพกจะได้ช่วยผ่อนแรง นาวเห็นผมทำแบบนี้เลยยิ้มกริ่มก่อนจะพูดว่า
“ดีจังคราวนี้พี่อามมีส่วนร่วมด้วย” แต่ผมก็ทำหน้านิ่งๆไว้ นาวก็ดันท่อนลำของผมไปจนสุดลำ
“โอ๊ย พี่อามมันแน่นไปหมดเลย ทำไมมันตอดแบบนี้” นาวพูดจบแล้วก็มีแต่เสียงซี๊ดซาดส์นาวแช่ท่อนลำของผมไว้กับก้นตัวเองไว้สัก พักหนึ่ง ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างไปด้านหลังแล้ววางบนเตียง (นาวหันหน้ามาทางผมครับ) แล้วชันเข่าไว้ประมาณกลางลำตัวผมแล้วค่อยๆโยกขึ้นโยกลงอย่างเบามือ ผมทนไม่ไหวต้องเด้งสะโพกไปพร้อมกับจังหวะการโยกของนาว นาวโยกขึ้นผมเด้งลง นาวโยกลงผมเด้งขึ้น สอดประสานกันอยู่อย่างงี้ นาวส่งเสียงครวญครางอยู่ตลอดเวลา ส่วนผมเองก็ไม่แพ้กัน แต่ไม่มีใครกล้าลองเสียงดังเพราะกลัวคนที่บ้านจะได้ยิน แล้วต่างคนต่างก็เร่งจังหวะถี่มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวแล้วแตกข้างในตัวนาว ส่วนนาวก็ชักท่อนลำตัวเองจนแตกไปพร้อมๆกัน แน่นอนว่าหยดหยาดความเป็นชายของผมไหลลงมากองที่ท่อนลำตัวเองจากก้นนาว ส่วนหยาดหยดของนาวก็สาดใส่ไปทั่วตัวผมไปทั่วตัว ลามไปลำคอและใบหน้า พอนาวถอดท่อนลำของผมออกมา นาวก็บอกว่า
“พี่อามก้นนาวยังไม่หยุดตอดเลย” แต่ผมไม่ได้อยากชื่นชมด้วยเลยบอกว่าไปว่า
“นาวสนุกแล้วพี่ล่ะ จะกลับไปมองหน้าคิมยังไง”
“ถ้า มองหน้าพี่คิมไม่ติดก็มามองหน้านาวสิ มาเป็นของนาวคนเดียว” ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นผมรู้สึกว่านาวเอาลิ้นมาเลียน้ำกามของตัวเองที่ติดอยู่ตามตัว ตามคอ และตามหน้าผมไปจนหมดสิ้น แล้วมากระซิบที่ข้างหูผมว่า
“นาว ว่าน้ำกามพี่ อามอร่อยกว่าเยอะเลย” ผมคิดในใจว่านาวมันโรคจิตเปล่าว่ะ กินน้ำกามเกลี้ยงตลอด นาวพูดจบผมก็รีบหันหลังไม่อยากคุยกับนาว นาวก็เข้ามากอดที่หลังผมแล้วคลอเคลียผมอีกตามเคย ทำให้ผมคิดถึงแมวที่คุณยายเคยเลี้ยงไว้อ่ะครับ มันจะชอบมาคลอเคลียคุณยายผมมาก ตอนนี้นาวเป็นเหมือนลูกแมวน้อยของผมเลยครับ ก่อนที่ผมจะหลับผมก็ได้ยินนาวพูดกับผมว่า
“เราเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนะพี่อาม” เฮ่อชีวิตผม

บทที่ 8 เกมสวาท
ตก เย็นขณะที่ผมกำลังจะกลับหอพักที่มหาวิทยาลัย นาวก็เอาสร้อยเส้นนึงมาคล้องคอผม พอหยิบขึ้นมาดูมันเหมือนเลขแปดแต่เป็นแนวนอนอ่ะครับ ผมก็เลยถามว่า
“จะเอาเลขแปดมาใส่คอพี่ทำไม”
“ตก เลขหรือไง เนี่ยเข้าเรียกว่าสัญลักษณ์ Infinity” อืมผมก็คิดว่ามันแปลว่าอะไร พอลองนึกตามความหมายภาษาอังกฤษดีๆ เฮ้ย ไม่สิ้นสุด อนันตกาล นาวมันจะแสดงความเป็นเจ้าของผมมากไปแล้ว ผมรีบถอดทิ้งทันที แต่นาวก็ยื้อไว้”
“ใส่ไปเหอะ สวยดีออก”
“นี่ มันจะ มากไปแล้วนะ แล้วแบบนี้พี่จะไปบอกคิมว่าไงล่ะ คิมอาจจะไมรู้ว่าพี่มีน้องตัวเองเป็นกิ๊ก แต่เขาไม่ได้โง่หรอกนะ” ผมพยายามจะดึงสร้อยเส้นนี้ออก นาวก็ไม่ยอมลูกเดียว จนที่สุดท้ายนาวหน้าแดงแล้วเดินไปหยิบแก้วใบใหญ่สุดในห้อง จากนั้นก็ขว้างลงกับพื้นจนเสียงแตกดังเพล้งดังไปทั้งบ้าน ผมตะลึงงั้น แล้วนาวก็หยิบชิ้นส่วนแก้วที่คมและใหญ่ที่สุดออกมา และกำลังจะเชือดข้อมือตัวเอง ผมรีบเข้าไปห้ามโดยทันที
“นาวอย่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ผม เข้าไปห้ามนาวไว้ แล้วยื้อยุ้ดฉุดกระชากกันอยู่นาน สรุปแล้วผมห้ามนาวสำเร็จแต่คนที่ซวยเป็นผมเพราะผมล้มลงแล้วเอามือซ้ายลงไป เท้ากับพื้นเพื่อไม่ให้ก้นกระแทก แต่ว่ามือผมก็โดนเศษแก้วบาดมือจนเป็นแผลเต็มไปหมดด้วยเศษแก้วชิ้นเล็กชิ้น น้อยมากมาย เลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัว นาวเองตกใจมากแต่ยังมีสติรีบเข้ามาประคองผมแล้วช่วยกับญาติคนอื่นๆพาไปส่ง โรงพยาบาลทันที ท่ามกลางความตกใจของบรรดาญาติๆที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความที่ผมเสียเลือดมากประกอบกับยังไม่หายไข้ก็เลยหมดสติเลยไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นจากนั้นบ้าง ผมตื่นมาอีกครั้งก็น่าจะมืดแล้ว บังเอิญว่าตื่นมาเจอคุณหมอมาตรวจพอดี
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอครับ หมอจะเข้ามาบอกกับคุณพอดีว่าเราจัดการทำแผลให้เรียบร้อยแล้วนะครับ แต่ห้ามโดนน้ำสองอาทิตย์นะ แล้วถ้าเป็นไปได้อยากให้มาล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวันเลยนะครับ”
“โหไม่ไหวมั้งครับ ผมเรียนอยู่ตั้งรังสิตจะให้มาถึง...คงตายก่อนอ่ะครับ”
“ถ้า งั้นเนี่ยต้องให้คนที่ดูแลมาให้พยาบาลสอนให้นะครับ เพราะถ้าล้างไม่ถูกวิธีอาจพลาดได้นะครับ” ฟังแล้วก็แบบว่าอะไรมันจะซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยซ่อนเงื่อนขนาดนั้น ต้องมาลำบากคนอื่นอีก
“ถ้างั้นเนี่ยจะให้คนที่ทำแผลให้ผมมาเรียนวิธีกับคุณพยาบาลกี่โมงดีครับ”
“เช้าๆ หน่อยก็ดีนะครับ เพราะพอพ้นจากช่วงนี้ไปพวกพยาบาลก็จะเริ่มยุ่งแล้วครับ ไปบอกเขาว่าเคสคุณอามของหมอ.. ก็ได้ครับ” จากนั้นผมก็ขอบคุณคุณหมอ แล้วเห็นไอ้คนต้นเรื่องนอนหลับอยู่ที่โซฟา ดูท่าจะเพลียมาก
“นาว ตื่นได้ แล้ว” ผมส่งเสียงดังมากครับเพื่อปลุกนาว พอนาวได้ยินเสียงผมเท่านั้นแหละครับ ลุกขึ้นน้ำตานองหน้าเลย แล้วเข้ามากอดผมลูกเดียว ผมก็ไม่ได้โกรธนะครับแต่แบบแอบเซ็งที่ตัวเองต้องมาเจ็บมือซะงั้น
“นาวพอแล้วพี่หายใจไม่ออก แล้วคนอื่นไปไหนกันหมด”
“กลับไปกันหมดแล้ว นาวอาสาขอเฝ้าต่อให้เอง” เฮ้ยผมนึกขึ้นได้แล้วคิมล่ะ
“เอา มือถือพี่มาให้หน่อย” แล้วนาวก็ไปเอามือถือให้ผม พอผมกดดูโอ๊ยฉิบหาย Miss call 30 สายของคิมทั้งนั้นเลย ผมชอบตั้งระบบสั่นไว้เลยไม่มีใครได้ยินเสียงมือถือจึงไม่มีใครรับให้ สงสัยเห็นผมยังไม่กลับหอคงเป็นห่วงผมมาก ก็เลยรีบโทรกลับ เท่านั้นแหละครับ
“อามมมมมมมมมมม อยู่ไหน ทำไมไม่โทรกลับ คิมจะเป็นบ้าตายแล้วรู้ไหม” แล้วคิมก็ร้องไห้ โอ๊ยแฟนกับกิ๊กมาร้องไห้พร้อมกันปวดกบาล
“คิม ฟังเราดีๆนะคือว่า” แล้วผมก็เรื่องเมื่อเย็นประมาณว่า ผมทำแก้วแตกแล้วบังเอิญล้มทับแก้วที่แตกจนบาดมือ บอกเรื่องหมอที่ให้มาเรียนทำแผล พอพูดจบปุ๊บคิมใจร้อนขึ้นมาทันที
“อามเดี๋ยวคิมขับรถไปหาเลยนะ”
“อย่าเลยดึกแล้วเดี๋ยวอันตราย เอาไว้ตอนเช้าดีกว่า ตอนนี้นาวก็เฝ้าอยู่ด้วยไม่ต้องห่วงหรอก”
“จะ ดีเหรอ อืมงั้นคิมขอคุยกับน้องนาวหน่อยสิ” ผมก็ลังเลอยู่นานก่อนยื่นโทรศัพท์ให้นาว นาวหลบไปคุยกับคิมสักแป็บนึง สักพักนาวก็ยื่นมือถือมาคืน
“ฝันดีนะครับที่รัก เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะไปแต่เช้าเลยนะ”
“เช่นกันครับ” พอวางสายผมก็เลยถามว่า นาวไปพูดอะไร คิมถึงได้เปลี่ยนใจง่ายๆอย่างนั้น
“ก็แค่บอกว่าพี่อามเป็นของผม ผมต้องดูแลดีอยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง” เฮ้ยดูมันกวนแล้ว
“กวนแบบนี้โดนซักทีละกัน” แล้วก็ใช้มือที่ยังดีอยู่ขว้างหมอนใส่ แต่ว่านาวหลบทันครับนาวก็เลยบอกว่า
“นาว บอกว่าไม่ต้องห่วงจะดูแลให้อย่างดี แหมเรื่องอะไรจะยอมให้พี่คิมมาคืนนี้ล่ะ นาวจะได้อยู่กับพี่อามนานๆหน่อย ผมรู้สึกกดดันครับก็เลยร้องไห้
“พี่ ต้องมาเจ็บใจ แล้วก็เจ็บตัวเพราะนาวกี่ครั้งแล้ว พี่ไม่เข้าใจ จริงๆพี่น่าจะเป็นคนกรีดข้อมือตัวเองมากกว่านะ นาวยังเด็กนาวยังมีโอกาสเจอคนที่ถูกใจอีกมาก อย่ามารักพี่เลยนะ ขอร้องล่ะ” พูดจบนาวก็เข้ามาจับแก้มผม
“ปัญหา มันเกิดเพราะพี่อามไม่ยอมรักนาวต่างหาก ถ้ารักนาวก็จบ ไม่น่าไปมีคนอื่นเลย นาวจะอยู่กับพี่อามไปแบบนี้แหละ ยังไงนาวก็เป็นน้องพี่อามพี่อามไม่มีทางหนีพ้นหรอก” พูดจบก็คว้าผมมาจูบ ผมพยายามผลักออกแต่มือเดียวสู้แรงไม่ไหว นาวดูรุนแรงมากจนผมรู้สึกปากระบบไปหมด
“ถ้าพูดเรื่องไล่นาวไปไกลๆอีกนะ พี่อามจะถูกลงโทษแบบนี้แหละ เอาให้พี่คิมสงสัยไปเลยว่าโดนใครปล้ำมา” ผมทนไม่ไหวเลยตบหน้านาวจนหงาย
“ก็เอาสิ พี่อยากรู้เหมือนกันว่าคิมจะเห็นใจแฟนที่โดนปล้ำหรือว่าน้องที่ปล้ำพี่ตัวเอง” นาวก็เข้ามากระชากมือผมแล้วบอกว่า
“อืม งั้นมาสร้างร่องรอยกันดีกว่า จะได้รู้ว่าพี่คิมจะเอาไง” พูดจบนาวก็มาดึงเสื้อผม พอจะนึกออกไหมครับว่าชุดผู้ป่วยเนี่ยมันถอดง่ายอยู่แล้ว แล้วพอถอดเสื้อได้นาวจะมาทำเป็นรอยดูดตามร่างกายผม ผมกลัวคิมเห็นก็เลยต้องยอมนาวแล้วถามว่าจะเอาอะไรก็ว่ามา
“งั้นเรามาจูบกันดีๆนะ” พูดจบนาวก็เข้ามาจูบแบบนิ่มๆ พร้อมๆกับเอามือลูบไล้ตัวผมไปด้วย ก่อนจะไซร้ไปทั่วช่วงบนของผมไปซะทั่ว
“นาวพี่ขอถามอะไรหน่อยสิ ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันต้องทำอะไรแบบนี้ตลอดเลยเหรอ” นาวกอดผมไว้แล้วบอกว่า
“ถ้า เรายังจับมือกันให้ใครเห็นไม่ได้ บอกให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นอะไรกันไม่ได้ นี่ก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้นาวรู้สึกว่านาวได้แสดงความรักต่อพี่อามจริงๆ” ผมได้แต่อึ้ง
“นาว รักพี่อามมาแต่แต่เด็กแล้ว ตอนที่พี่อามมาเล่นหนอนน้อยของนาวตั้งแต่เด็กๆถ้าเป็นคนอื่นมาจับนะโดนนาว ถีบไปแล้ว แต่ถ้าเป็นพี่อามนะนาวจะพอใจมาเลย ตอนนี้มันเป็นหนอนยักษ์แต่นาวให้พี่อามมันเป็นเจ้าของมันคนเดียว พี่อามทำอะไรนาวนาวรู้หมดแหละ แต่ไม่อยากพูดเท่านั้นเอง ถ้าพี่อามไม่ชอบนาวจริงคงไม่ทำกับนาวแบบนี้หรอก
“นาวพี่ขอโทษนะ พี่แค่อยากสนุก มันเป็นความผิดพลาด”
“แต่ สำหรับนาวมันเป็นความรัก นาวเชื่อว่าพี่อามก็รักนาว แต่ติดที่ว่าเราเป็นพี่น้องกัน คนอื่นเขาอาจจะสนุกแล้วจบกันไปแต่นาวอยากไปไกลกว่านั้น”
“แต่พี่รักคิม” ผมพยายามบ่ายเบี่ยงจากนาว
“ถ้ายังงั้นก็รักผมอีกคนด้วยละกันนะ” แล้วนาวก็จูบผมต่อจากนั้นนาวก็เดินไปล๊อกประตู แล้วก็ลากผมลงมาจากเตียงคนป่วย
“จะทำอะไรน่ะ”
“พา พี่อามไปนอนด้วยกันที่โซฟาไง เตียงอันเนี่ยนาวขึ้นไปนอนด้วยไม่ได้” จากนั้นนาวก็ขึ้นไปนอนก่อนแล้วให้ผมขึ้นไปนอนบนตัวนาวอีกที แล้วนาวก็โอบผมจากด้านหลัง
“ดีจังได้นอนกอดเต็มๆเลย” พูดจบนาวจับผมถอดเสื้อ แล้วลูบไล้ผมอีก
“พอแล้วนาวเดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า”
“น่านะพี่อามของผม คืนนี้เราอุตส่าห์อยู่ด้วยกันอีกคืน ขอโบนัสผมหน่อยสิ” โอ๊ยตายแล้วคืนนี้ผมจะโดนนาวจัดการยังไงเนี่ย
“หา ขอโบนัสตลกแหละ พี่เลือดสาดเนี่ยโบนัสไม่พออีกเหรอ” แต่นาวก็ไม่สนรุกเร้าผมต่อ จนเสื้อผ้าผมหายไปหมดแล้ว นาวพยายามให้ผมอยู่ข้างบนแล้วให้คร่อมทับท่อนลำนาว แต่ผมไม่ไหวเพราะป่วยอยู่ นาวก็เลยลากผมมาอยู่ที่ปลายโซฟาแล้วให้ผมนอนคว่ำเพื่อที่จะได้สอดท่อนลำตัว เอง แต่ก็ไม่ได้อีกเพราะว่าไม่มีที่วางมือ แผลก็พึ่งทำมาถ้าแผลแตกเดี๋ยวซวยจะลำบากอีก ผมคิดว่ายังไงก็น่าจะรอด แต่ว่า...อยู่ๆขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟา นาวก็ลุกขึ้นยืนแล้วใช้มือดันศีรษะผมจนติดกำแพง พร้อมๆกับพยายามดันท่อนลำเข้ามาในปากผม
“ช่วย หน่อยนะ นาวขอ” ผมไม่พอใจมากกำลังจะอ้าปากด่า โดยไม่ทันตั้งตัวนาวก็ดันท่อนลำเข้ามาในปากผมไว้แล้ว ผมกำลังจะใช้ฟันขบเพื่อให้นาวเอาท่อนลำตัวเองออกแต่นาวเหมือนจะรู้ทัน
“อย่า กัดเชียวนะ ไม่งั้นละก็พี่อามพังแน่” ผมคิดในใจว่าไอ้นาวมึงทำกับกูได้นะ ผมเลยต้องจำใจปฏิบัติโอษฐกามให้น้องตัวเอง ประเด็นคือมันใหญ่จนคับปากไปหมด แต่ยังดีที่นาวไม่ได้รุนแรงกับผม มือหนึ่งจับแขนซ้ายผมไว้เพื่อไม้ให้มือซ้ายต้องกระเทือน แล้วอีกมือก็ประคองศีรษะผมไว้อย่างดี ผมไม่รู้สึกมีความสุขเลย เมื่อยก็เมื่อย แถมขัดใจนาวก็ไม่ได้อีก
“อืม พี่อามนาวเสียวจังเลย จะแตกแล้ว อ๊าส์ๆๆ” ผมเลยพยายามดันศีรษะตัวเองออกมาจากท่อนลำนาว แต่นาวจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จนที่สุดหยาดหยดของนาวก็ทะลักทลายเข้าสู่ปากผม นาวก็ยังไม่ปล่อยศีรษะผม ปล่อยมันออกมาจนหมด จะคายทิ้งก็ไม่ได้ แต่ผมไม่ยอมกลืน มันเต็มปากผมไปหมด พอนาวถอดท่อนลำออกมาก็ก้มตัว ลงมาจูบผมแล้วกลืนน้ำกามตัวเองที่อยู่ในปากผมลงไปในกระเพาะตัวเอง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ถ้าเป็นคิมผมคงไม่กระอักกระอ่วนใจแบบนี้ ผมหมดแรงเลยขอให้นาวพาผมไปล้างปาก พอผมมานั่งลงที่โซฟา นาวเหมือนจะพอใจมากประมาณว่า
“นาวอิจฉาพี่คิมจัง เขาคงมีความสุขมากเลยนะ”
“เขา ต้องมีความสุขอยู่แล้ว เพราะพี่เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับให้จำยอมแบบนี้” ผมเบือนหน้าหนีไม่อยากพูดกับนาว แต่นาวก็เขามาสวมกอดผมแล้วบอกว่า
“ก็ มัน เป็นวิธีเดียวไงที่พี่อามจะเป็นของนาวได้ ถ้ารอให้พี่อามเต็มใจคงไม่มีหวังหรอก หรือว่าไม่จริง” ผมเงียบไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นนาวก็ใส่เสื้อผ้าให้ผมเรียบร้อย ผมหลับบนโซฟาในอ้อมกอดของนาว ก่อนที่ผมจะหลับผมรู้สึกว่านาวคอยจูบผมเบาๆตลอดเวลา แล้วพูดตลอดเวลาว่าพี่อามเป็นของนาว ผมก็เลยพูดไปว่า
“พี่รักคิม ” พูดจบนาวก็เอามือมาปิดปากผมซะแน่น แล้วไซร้ผมซะรุนแรง
“ไม่เอาน่าพี่อามน่ะเป็นของผมคนเดียว” ผมไม่ไหวแล้วครับ ง่วงมากปล่อยนาวไซร้ผมซะจนนอนหลับไปเลย
ตื่น มาอีกทีผมตกใจไม่รู้ว่าคิมมารึยัง รีบขึ้นมาบนเตียงคนไข้ แต่นาวรัดผมซะแน่น กว่าจะเอาออกมาได้ก็แทบตาย แล้วมาหลับบนเตียงต่อ พอตื่นมาอีกทีก็รู้สึกว่าโดนจูบอยู่
“ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก เจ็บมากมั้ย” คิมมาแล้วครับ ดีจังคิมมาช่วยผมแล้ว ผมยันตัวขึ้นมาด้วยมือขวาแล้วก็เอาโอบคิมแล้วกอด
“ขอ โทษนะที่ทำให้เป็นห่วง” ผมก็คว้าคิมมาจูบ โดยที่ผมก็พลันเห็นว่านาวตื่นขึ้นมาแล้ว แทนที่ผมจะหยุดผมกลับจูบคิมหนักขึ้น ถึงขั้นแลกลิ้นกันอย่างสนุกสนาน เหมือนจะแสดงว่านี่แหละแฟนผม นาวดูจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่นาวกลับทำเป็นนอน พอได้จูบคิมอย่างหนำใจคิมรีบไปหาคุณพยาบาลเพื่อไปตามมาล้างแผลให้ผมจะได้สอน คิมไปด้วย และทันทีที่คิมออกไปนาวก็ลุกขึ้นมาแล้วเข้ามาจูบผมอย่างรุนแรง ผมกัดฟันไม่ให้นาวเอาลิ้นเข้ามา นาวเลยพูดว่า
“ไม่ ให้จูบมีรอยโดนดูดแน่” ผมก็เลยต้องเปิดปาก ให้นาวเอาลิ้นเข้ามาอย่างเต็มที่ สักพักผมรีบถอนปากออกแล้วบอกนาวว่าพอแล้ว เดี๋ยวคิมมาเห็นเข้านาวก็เลยหยุดแล้วหันมาหอมแก้มผมหนึ่งที ก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิม แล้วคิมก็เข้ามาพร้อมคุณพยาบาล พอทำแผล สอนคิมทำแผลผม แล้วจัดการเรื่องอุปกรณ์ที่ต้องใช้ทำแผลทั้งหมดเสร็จ ก็จะกลับทันที แต่ในระหว่างนั้นนาวก็ตีสนิทกับคิมเป็นที่เรียบร้อย โอ๊ยผมเห็นแล้วเดาใจนาวไม่ถูกเลย
“ขอบใจน้องนาวมากนะครับ ที่ช่วยดูแลอามอย่างดี”
“แหม ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่อามเป็นพี่ชายสุดที่รักของผม ผมต้องดูแลอยู่แล้ว” นาวเน้นคำว่าสุดที่รักพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่ม แต่คิมไม่ได้สังเกตเลย จากนั้นคิมก็จัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผมบอกว่าไม่ต้องหรอก แต่คิมก็ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของคิมที่ต้องดูแลผม พอคิมออกไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย นาวก็เข้ามาบอกกับผมว่า
“เตรียมตัวเจอกันบ่อยๆนะ พี่อามของนาว”
“หมายความว่าไง”
“เดี๋ยวก็รู้” ผมคิดในใจว่า เออแล้วเราจะได้เห็นกัน
พอก ลับ มาที่หอพัก ผมแถบจะนอนมาหมดแรง เพราะเหนื่อยมากเจ็บมือไม่เท่าไร แต่โดนนาวล่อซะเหนื่อยมากกว่า ยังดีที่ว่ามีเรียนบ่าย บังเอิญว่าคิมก็เรียนบ่ายด้วย ก็เลยนอนกอดกันยาว โดยที่ผมต้องเป็นคนที่โอบกอดคิมไว้เพราะกลัวว่าถ้าให้คิมกอดมือผมอาจจะโดน ทับจนเป็นแผลซ้ำได้ พอตื่นมากินข้าวเที่ยง คิมก็เตรียมไว้ให้เรียบร้อย ผมพยายามกินเอง แต่คิมบอกว่าใช้มือเดียวเดี๋ยวเลอะหมด เลยป้อนผมทุกคำ ยังดีที่ว่ากินในห้องก็เลยไม่มีใครเห็น ไม่งั้นคงอายเขาน่าดู ป้อนไปก็จะหาโอกาสหอมแก้มผมอยู่เรื่อยเลย พอตกกลางคืนผมพึ่งรู้ว่าไอ้บีมกับไอ้วินมันไม่อยู่ ไอ้บีมไปทัศนศึกษา ส่วนไอ้วินไปประชุ่มกลับพวกชมรมมันที่ต่างจังหวัด ทำให้ผมกับคิมอยู่กันตามลำพัง จริงๆแล้วเนี่ยถ้าเป็นเวลาปกติเราสองคนคงขึ้นสวรรค์กันไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ด้วยความที่ผมมือเจ็บทำให้คิมกลัวว่าผมจะเจ็บแผลเลยต้องห้ามใจว่า แต่ดูท่าทางคิมน่าสงสารมากเพราะเดินงุ่นง่านไปมา ด้วยความสงสารผมก็เลยบอกว่า
“เราทำกันบนเก้าอี้ดีมั้ย มือเราน่าจะไม่โดนนะ”
“จะดีเหรออาม”
“มัน คงไม่ดีหรอกถ้าคิมยังเดินเป็นหนูติดจั่นขนาดนี้” จากนั้นผมก็ลากให้คิมนั่งบนเก้าอี้ แล้วก็คุกเข่าลงไปที่หว่างขาของคิม คิมไม่รอช้ารีบถอดกางเกงกับกางเกงในออกไปกองกับพื้น มือหนึ่งคิมจับศีรษะผมไว้ อีกมือก็จับแขนซ้ายผมไว้ เพื่อให้แน่ใจว่ามือซ้ายผมจะไม่ต้องขยับเขยื้อนมากนัก จากนั้นผมก็จัดการปรนเปรอให้คิมอย่างถึงใจ คิมร้องครวญครางไม่เป็นภาษา ที่พอจับจะได้น่าจะมีคำว่า เอาอีกๆหลายครั้ง พอท่อนลำคิมแข็งได้ที่ผมก็เลยลุกขึ้น แล้วนั่งคร่อมท่อนลำของคิม ก่อนที่มันจะค่อยๆหายเข้าไปในร่างกาย คิมใช้สองมือยกสะโพกของผมขึ้นลง มือหนึ่งของผมของกอดคอคิมไว้ มือที่เจ็บก็วางไว้บนไหล่คิม ผมกับคิมต่างเสียวกันสุดๆ จนกระทั่งน้ำของผมกับคิมก็แตกพร้อมกันอีกครั้ง โดยที่น้ำของผมกระฉูดไปที่ริมฝีปากคิมพอดี แล้วคิมก็เอาลิ้นมาเลียโดยรอบจนน้ำหายไปจนหมด
“คิมอย่ากินน้ำอามสิ มันไม่ใช่ของกินนะ”
“ไม่ เห็นเป็นอะไรเลย น้ำอามหอมดีออก แล้วเราก็ทำกันแค่สองคน ไม่เห็นต้องกลัวเลย” ได้ยินแล้วผมแอบหน้าเสียแต่ก็พยายามปั้นหน้าให้นิ่งที่สุด
“อามสุดยอดเลย ถึงป่วยก็มันสุดๆไปเลย เดี๋ยวเราใช้ปากให้นะ ผลัดกัน”
“ไม่ เอาแล้ว เราเหนื่อย” จริงๆแล้วเนี่ยมันเป็นข้ออ้างครับ พราะผมรู้สึกผิดจากที่คิมพูดเมื่อสักครู่ว่ามีอะไรกันแค่สองคน แต่สำหรับผมแล้วคือสาม แต่คิมไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการใช้ปากปรนเปรอผมอีกรอบ ผมว่าคิมใช้ปากเก่งกว่าผมอีก ผมเสียวจนพูดอะไรไม่ออก จนพอน้ำผมใกล้ทะลัก ผมจะถอนท่อนลำออกจากปากคิม แต่คิมไม่ยอม จนน้ำผมมันพุ่งออกมา พอคิมถอนปากหยดหยาดของผมก็เยิ้มจากปากคิมมาเป็นสายเลย ยังกับหนังโป๊เลย เห็นแล้วเซ็กส์แตกสุดๆ พอกลืนน้ำผมลงไปเสร็จ คิมก็ยังเลียท่อนลำผมจนสะอาด ตอนโดนคิมเลียท่อนลำผมเสียวจนตัวผมกระตุกไม่หยุด ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมตายคาอกคิมได้ก็ดีเรื่องจะได้จบๆ ผมก็เลยบอกคิมว่า
“ถ้าวันนึงอามต้องตายขึ้นมา อามขอตายคาอกคิมนี่แหละคงจะมีความสุขมาก”
“ถ้าอามตายจริง เราคงจะตายตามไปด้วย เราอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีอาม”
“ไม่มีอะไรแน่นอนหรอกคิม วันข้างหน้าคิมอาจจะไปมีคนใหม่ที่ดีกว่าเราก็ได้นะ”
“ทำไมพูดอย่างเงี้ย คิมทำอะไรให้อามไม่พอใจหรือเปล่า”
“เราพูดตามความจริงเฉยๆ คนธรรมดาไม่มีใครรู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”
“เราบอกอามไว้ตรงนี้เลยนะ วันไหนที่เราเลิกกันเราคงอยู่ไม่ได้หรอก คิมขอไปตายดีกว่า”
“บ้าแล้ว คิดอะไรแบบนั้น คิมจะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ”
“เรา รักอามจริงๆนะ แล้วเราจะไม่รักใครอีกแล้ว” พูดจบคิมก็ร้องไห้แล้วกอดผม แต่ผมเครียดหนัก ผมหนีจากนาวไปก็ไม่ได้ คิมก็จะตายถ้าไม่มีผม แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ

บทที่ 9 เกมรัก เกมร้าย
ช่วง เวลาที่ผมมือซ้ายเจ็บ ผมไม่ได้ไปหานาวเลยเพราะอ้างว่าไม่มีใครล้างแผลให้ อีกอย่างนาวติดแข่งกีฬาด้วยเลยทำให้ยุ่งกับผมมากไม่ได้ แต่ส่ง SMS มาขู่ว่า
“อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ละก็ จะโดนไม่ใช่น้อย” ผมรีบลบทิ้งข้อความนั้นแล้วส่งกลับไปว่า
“กู ไม่กลัวมึงหรอกเว้ย” ส่วนคิมเองดูแลผมดีมากๆๆๆ ที่ผมชอบมากที่สุดก็คือตอนที่คิมโกนหนวดให้ผม มันรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลที่คนรักปฏิบัติให้กัน แต่ก็นั่นแหละครับขนาดผมมือเจ็บพอสบโอกาสคิมก็ปฏิบัติการรักทันที สงสัยจะติดใจลีลาบนเก้าอี้(ฮ่าๆ) แต่เราก็ผลัดกันนะครับเพียงแต่เวลาผมเป็นฝ่ายรุกคิมจะต้องช่วยผมมากหน่อย ก็คิมเขาดูแลผมขนาดนี้จะไม่ไห้รักยังไงไหว แล้วคิมก็จะคอยประคองผมตลอดด้วยความกลัวล้มเแบบว่าแทบจะอุ้มผมได้อยู่แล้ว ยังกับเป็นลูกเลย ไอ้เพื่อนร่วมห้องสองตัวมันก็ล้อใหญ่เลยครับ
“พ่อคิมมึงมาแล้วว่ะลูกอาม” ไอ้วินมันเริ่มก่อนครับ
“เฮ้ยไอ้คิมมันมีเมียแล้วเหรอว่ะ” ไอ้บีมมันรับมุขต่อ
“เปล่า ไม่ได้มีเมีย” ไอ้วินส่งต่อ
“อ้าวแล้วมีลูกออกมาได้ไง” ไอ้บีมมันชงต่อเลยครับ
“ก็ มันเลี้ยงต้อยไง พอโตแล้วก็เลยโดนเย่อประจำเลย ใช่ไหมลูกอาม ทนเจ็บหน่อยนะลูก พ่อเขารักมากก็เลยโดนเย่อมากแบบนี้แหละ” ผมเลยด่าไปว่าไอ้สาดดดด แล้วคิดในใจว่า เดี๋ยวจับปล้ำให้เป็นเกย์กันให้หมดเลยไอ้พวกนี้ เฮ้ยไม่ได้แค่ตอนนี้มีคิมคนเดียว(กับไอ้นาว) ก็จัดการไม่ไหวแล้ว เฮ่อ ไอ้เพื่อนบ้าล้ออยู่ได้นะมึง ส่วนคิมก็ไม่ได้เดือดร้อนเลยรับมุขไปกับสองตัวนั้นอีกต่างหาก อย่างเวลากินข้าวคิมก็จะบอกว่า
“ได้ เวลากินข้าวแล้วครับเด็กชายอาม มาให้พ่อป้อนข้าวเร็ว” ช่วงเวลาอาบน้ำคิมก็จะเป็นคนอาบให้ผมตลอด เพราะใช้มือข้างเดียวมันไม่ถนัดเอาซะเลย แล้วแบบว่าทุกเย็นที่อาบน้ำคิมก็จะใช้ปากให้ผมตลอด จนผมต้องขอใช้ปากให้คิมบ้างเพราะสงสารแต่คิมไม่ค่อยจะยอมบอกว่าเดี๋ยวผมจะ ลำบากเปล่าๆ เลยต้องใช้มือขวาช่วยคิมไปก่อน แต่ผมมันก็นิสัยไม่ดี เพราะเวลาที่คิมลูบเนื้อลูบตัวผมตอนที่อาบน้ำหรือป้อนข้าวผม ผมก็จะชอบนึกถึงนาวตอนเด็กๆที่ผมต้องอาบน้ำ ต้องป้อนข้าวให้นาวบ่อยๆ ตอนนี้เหมือนผมกำลังเป็นไอ้นาวเมื่อตอนเด็กๆ แล้วคิมก็เป็นผมในตอนนั้น ทำให้แม้ผมจะมีความสุขแต่ก็กลับมีความเศร้าในใจลึกๆไปพร้อมๆกัน ผมแอบคิดในใจเสมอว่า
“คิม เราขอโทษนะ ที่เราคิดถึงนาวด้วย” ทำให้เวลานอนผมกับคิมผมจะนอนกอดคิมแน่นๆเหมือนจะให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง คิมก็จะชอบคิดว่าผมอยากอ้อนก็เลยถ้าไม่จูบก็หอมแก้มตลอด ผมเลยรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก เฮ่อไม่เข้าใจอยู่กับนาวก็โหยหาคิม อยู่กับคิมก็คิดถึงนาว นี่ผมเป็นคนประเภทไหนกันแน่
พอสองสัปดาห์ผ่านไปผมก็เลยกลับไปที่โรงพยาบาล เพื่อให้คุณหมอเช็คอาการอีกครั้งแต่บังเอิญว่า คุณหมอเจ้าของไข้ไปประชุมต่างประเทศ ก็เลยให้หมอคนหนึ่งมาดูแลให้แทน เป็นใครทราบมั้ยครับ ใช่แล้ว ก็คุณหมอคนที่บอกว่าผมกับนาวเป็นแฟนกันแหละครับ ไอ้เชี่ยแจ็กพ็อตไปแล้วมั้ง ผมเลยรีบอ้างกับคิมว่าคือคุณหมอบอกว่าอยากให้ผมเข้าไปตรวจอาการคนเดียวเพราะ ข้อมูลในการรักษาเป็นความลับของคนไข้ ดีที่ว่าคิมไม่ได้สงสัยอะไร พอเข้าไปตรวจปุ๊บงานเข้าเลยครับ
“อ้าวนึกว่าใคร คุณคนที่สวีทกับแฟนในห้องฉุกเฉินนั่นเอง เอ๋วันนี้ไม่ได้มากับแฟนเหรอครับ”
“คุณหมอขอโทษนะครับ ผมเคยบอกแล้วว่านั่นนะน้องชายผม คนที่มากับผมวันนี้เป็นแฟนผม”
“อ้าว เหรอ ขอโทษครับแต่วันนั้นเหมือนแฟนกันเลย” ผมคิดในใจว่าดีนะที่ผมรอบคอบไม่ปล่อยให้คิมเข้ามาได้ยิน ไม่งั้นตายแน่ หมออะไรว่ะ มายุ่งเรื่องส่วนตัวกูซะจริง
“ว่าแต่ทำไมคุณหมอมาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ละครับ”
“โธ่คุณผมก็มารับจ็อบพิเศษสิครับ โรงพยาบาลรัฐน่ะตังค์ไม่เยอะนะครับ ผมก็มีค่าใช้จ่ายนะเหมือนกันนะ”
“งั้น คุณหมอก็สนใจแต่เรื่องตรวจนะครับจะได้มีตังค์เยอะๆ อย่าสนใจเรื่องส่วนตัวคนไข้มากเดี๋ยวจะไม่ได้มีโอกาสใช้ตังค์” ผมขู่ฟ่อเลยครับ
“โอ๊ย ดุจัง ไม่เอาน่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า ผมขอโทษนะที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณมากไป ที่ทำไปเพราะว่าเก็บกดน่ะ เพราะเพื่อนๆในวงการที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็ไม่มีใครเป็นแบบผม เวลามีปัญหากับแฟนเลยปรึกษาใครไม่ได้ พอเจอคนประเภทเดียวกันก็เลยอยากเป็นเพื่อนไว้ปรึกษาน่ะครับ” พอได้ฟังแล้วก็อึ้งครับ รู้สึกเห็นใจเพราะสมัยเรียนอยู่มัธยมผมก็เคยเป็นมาก่อน เพื่อนที่รู้จักก็ไม่มีใครเป็นแบบผม ผมก็เลยเก็บกดเหมือนกันก่อนที่จะมาผ่อนคลายกับนาว (ไม่น่าเลย) แล้วมาเจอคิมในภายหลัง จากนั้นเราก็เลยเป็นเพื่อนกันครับ คุยกันถูกคอมาก แลกเบอร์ไว้โทรปรึกษากันเรียบร้อย ผมขอเรียกหมอคนนี้ว่า พี่หมอชาญล่ะกัน เขาก็อายุมากกว่าผมไม่เยอะนะครับ แต่ก็เข้ากันได้ดีทีเดียว แล้วก็คุยเรื่องอาการรักษามือกันแป็บเดียว ก่อนจะออกมา คิมก็เลยงงว่าคิมเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมเข้าไปนานจัง ผมก็ประมาณว่ามันมีรายละเอียดที่ต้องดูเยอะน่ะ (ตอบได้เหมือนนักการเมืองมากๆ) ดีจังผมจะมีใครสักคนให้ระบายแล้ว และแล้วที่ผมไม่คาดคิดครับ ไอ้นาวก็โผล่มาที่หน้าห้องตรวจ
“เฮ้ยมาได้ยังไง” ผมงง
“อ้าวก็วันนี้หมอนัดถอดผ้าพันแผลนี่ นาวก็ต้องมาดิ เนี่ยพึ่งกลับมาจากแข่งเลยนะ” นี้ขนาดไม่ได้บอกมันแล้วนะ มันยังตามมาป่วนผมอีก
“อืม ดีเลย เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงนะ ขอบใจที่นาวช่วยดูแลอามให้ไง” ผมคิดในใจว่าเทวดาน้อยของผมทำไมใจดีแบบนี้ ไม่นะ ผมเองเริ่มบ่ายเบี่ยงสุดฤทธิ์ เลยโดนนาวเล่นซะ
“อะไรเนี่ย แค่นี้พี่อามหวงพี่คิมเหรอ โธ่นาวไม่จีบพี่คิมหรอก” คิมได้ยินก็ขำก็าก แต่ผมแบบว่าแอบโกรธนาว นาวรู้ทันแอบยิ้มเยาะผมครับ
“เอา น่า อย่าเถียงกันไปกินข้าวกันเถอะ หิวแล้วคร้าบ” คิมตัดบทแล้วก็พาไปร้านประจำทันที ผมแบบรู้สึกระแวงมาก นาวแบบชอบเล่นทีเผลอมาก ผมเดินกับคิมอยู่ข้างหน้านาวก็เอามือมาจับก้นผม จะโวยวายก็ไม่ได้
พอ ไปนั่งที่โต๊ะ ก็สั่งอาหารกันตามปกติ ผมก็คิดว่าน่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่โต๊ะในร้านที่เราไปนั่งกันมีผ้าปูโต๊ะ แล้วนาวก็นั่งตรงข้ามกับผมพอดี เรื่องมันก็เกิดตรงที่ว่า ขณะที่กินอาหารกันตามปกติ นาวก็คุยกับคิมสนุกสนานเหมือนคิมพยายามสร้างความสนิมสนมกับครอบครัวผม แต่นาวเอาเท้าที่ถอดรองเท้าแล้วยกมาเขี่ยที่เป้าผมครับ ผมจ้องตามันเขม็ง มันไม่ยอมปล่อยครับ ยิ่งเอากระตุ้นผมหนักกว่าเดิม มันเล่นเอาผมแข็งคับกางเกง แล้วบังเอิญว่าวันนั้นผมจำได้ว่าท่อนลำผมมันตั้งขึ้น นาวพอจะสัมผัสได้ก็เลยถูขึ้นถูกลงใหญ่เลย เหมือนช่วยตัวเองนอกกางเกงในครับ ทำเอาผมจะแตก พยายามส่ายหน้าหน้าว่าขอเหอะ ผมไม่ไหวแล้วเดี๋ยวน้ำแตก นาวก็ยังไม่หยุด ผมต้องปั้นสีหน้าเฉยๆไว้แต่จริงๆแล้วกำลังเสียวสุดขีด ที่สุดแล้วผมน้ำแตกคากางเกงจนแฉะไปหมด นาวมันรู้ก็เลยเอาเท้าอีกข้างที่ยังไม่เมื่อยมายันเป้าผมไว้ต่อ จนพอใจก็เอาลง ดีที่วันนั้นน้ำกามผมไม่ได้มีกลิ่นโชยมากนัก ผมต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใจจริงโกรธนาวมาก พอคิมลุกไปห้องน้ำผมรีบเปิดฉากใส่นาวทันที
“ทำไมทำแบบนี้ อยากให้พี่อายเลยใช่ไหม”
“ก็ บอกแล้วไงว่ากลับมาจะโดนไม่น้อย แล้วเนี่ยไม่ได้เจอกันสองสัปดาห์ก็ต้องเอาคืนบ้างสิถ้าสัปดาห์นี้ไม่กลับ บ้านนะ อืมจะโดนหนักมากกว่านี้แน่” นาวยิ้มแบบมีชัย เพราะรู้ว่าผมไม่มีอำนาจต่อรอง จริงๆ แล้วผมหาทางหลีก เหลี่ยงไม่ยอมกลับบ้าน พยายามจะไปอยู่กับคิมที่บ้าน แต่สัปดาห์นั้นคิมติดไปทำธุระต่างจังหวัดกับที่บ้าน จึงไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะบอกกับนาว พอสุดสัปดาห์ผมเลยต้องกลับบ้านด้วยความจำใจ แหมว่าผมจะดีใจที่ได้เจอบรรดาอาๆทั้งหลาย แต่ว่าผมไม่อยากจะเข้านอนเลย ผมเลยตัดสินใจกินยาแพ้ (คลอเฟนิรามีน) เข้าไปสองเม็ด พอจะทราบกันใช่ไหมครับว่ายานี้เนี่ย มีส่วนผสมของยานอนหลับ พอกินเข้าไปแล้วจะง่วงและหลับยาว ผมไม่อยากรับรู้ว่าผมจะต้องโดนอะไรบ้าง แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรอย่างที่ใจคิดบังเอิญว่านาวเข้ามาเห็นซะก่อน
“กินยาอะไรเนี่ย” นาวสงสัย
“ก็ยาแก้แพ้ไง” เท่านั้นแหละครับ นาวตรงเข้าปัดมือผมจนยาสองเม็ดนั้นหล่นหายไปแล้วหาไม่เจอ (เพราะยาแก้แพ้เม็ดมันจะเม็ดเล็กมาก)
“ทำบ้าอะไร” ผมหงุดหงิดมาก
“พี่อามนั่นแหละ ไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย แล้วจะกินยาแก้แพ้เข้าไปทำไมต้องสองเม็ดเดี๋ยวก็หลับไม่ตื่นหรอก”
“ก็ พี่อยากหลับ จะได้ไม่ต้องรับรู้ว่าคืนนี้นาวจะทำอะไรพี่บ้าง ไม่ตื่นก็ดี พี่ก็ไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว” พูดจบผมก็น้ำตาไหล นี่ผมเป็นคนขี้แยอีกแล้วครับ คราวนี้ผมก็ได้รับรู้ว่าน้องชายของผมบางทีก็ไม่ได้เป็นเด็กน่ารักเสมอไป
“อย่า มาใช้น้ำตาทำให้นาวใจอ่อนนะ ถ้าพี่อามหลับคืนนี้ก็ไม่สนุกสิ บอกแล้วไงว่ากลับมาจะโดนไม่ใช่น้อย” เสร็จแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว นาวก็จัดการมัดมือไพร่หลังผมไปแล้ว ผมโดนนาวจัดการถอดเสื้อผ้าออก แล้วทำการบดขยี้เนื้อตัวของผมอย่างบ้าคลั่ง ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดเป็นชิ้นๆ แต่ผมได้แต่นิ่งเฉย เหมือนคนไร้ความรู้สึก ในใจผมคิดถึงคิมตลอดเวลา ผมปล่อยให้นาวจัดการตามสบาย แต่เมื่อผมเงียบนาวคงจะรู้ได้ถึงความผิดปกติ เลยเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมรู้สึกได้ว่าน้องกำลังรู้สึกผิด จากนั้นเลยมาแก้มัดผม
“ขอ โทษนะครับ นาวไม่ได้ตั้งใจ งั้นคืนนี้นาวขอกอดพี่อามก็แล้วกันนะ” แล้วนาวก็เอาตัวผมขึ้นเตียง เดินไปปิดไฟห้องนอน แล้วก็มานอนกอดผม คืนนั้นผมรู้ว่าตัวเองเงียบมากจนน่ากลัว ส่วนนาวผมรู้สึกได้ว่านาวร้องไห้ เพราะหน้าอกผมเปียกไปหมดเลย แล้วก็นาวก็จูบผมแทบทั้งคืน พอตื่นเช้าขึ้นมา ผมก็เห็นนาวยกอาหารเช้าเข้ามาให้
“ยกมาทำไม เดี๋ยวลงไปกินก็ได้”
“ช่วง ที่พี่อามมือเจ็บ นาวเป็นคนผิดแต่ไม่ได้ดูแลพี่อามเลย ให้นาวได้ดูแลพี่อามบ้างเถอะนะ ผมอยากทำแบบพี่คิมบ้าง” แล้วผมมันก็แย่ แค่เห็นนาวทำหน้าสำนึกผิดหน่อยเดี่ยวก็ใจอ่อนยอมน้องอีกแล้ว นาวก็ป้อนข้าวป้อนน้ำผมอย่างดี แล้วก็เปิดเพลงเพราะๆให้ฟัง เข้ามาโอบกอดแล้วก็คอยจูบผม พอนาวทำแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงตอนที่นาวเด็กๆที่เวลาจะนอนผมต้องกล่อม แล้วก็ต้องอยู่ในอ้อมกอดผมก่อนจึงจะหลับได้
“ทำไมทำเหมือนพี่เป็นเด็กเลย”
“ก็ มันเป็นอีกวิธีที่จะแสดงความรักไง นาวเห็นพี่อามซึมแบบนี้นาวก็ปล้ำไม่ลงหรอก” พูดจบก็กอดผมแน่นกว่าเดิม ผมรู้สึกสงสารน้องเลยเอามือไปลูบศีรษะเบาๆ นาวก็มีปฏิกิริยาคือส่ายหัวไปมาเล่นกับมือผม ผมรู้สึกตลกเลยหัวเราะออกมา ทันทีที่เห็นผมยิ้มได้ นาวก็ดูจะยิ้มกว้างกว่าผมอีก
“พี่ อามยิ้มได้ แล้วดีจัง” ผมรู้สึกว่าน้องน่าสงสาร เรื่องที่นาวทำลงไปก็คงจะเป็นการเรียกร้องความสนใจจากผม ให้รู้ว่าเขายังมีตัวตนในหัวใจของผม ผมก็เลยคว้านาวเข้ามาจูบเหมือนเป็นการให้รางวัล นาวก็ตอบสนอง มันเป็นจูบที่ดีและนุ่มนวลที่สุดครั้งหนึ่งของผม เรา จูบกันอยู่นาน จนผมรู้สึกว่าน่าจะดีแล้ว ก็ปล่อยปากออก แต่ภาพที่ผมเห็นคือนาวยังดูเคลิบเคลิ้มไม่หาย จนผมต้องเขย่านาวให้รู้สึกตัว นาวดูจะมีความสุขมาก เข้ามาอ้อนผมใหญ่เลย
“ขอ แบบนี้บ่อยๆนะครับ ที่รักของผม” พูดจบก็ทิ้งตัวลงมานอนหนุนตักผม ผมก็เลยเอามือไปลูบศีรษะเบาๆ พอผมจะลุกขึ้นไปอาบน้ำนาวก็ขอตามเข้ามาอาบด้วย ไล่ยังไงก็ไม่ไป ดีที่ว่าตอนนี้ผมกับนาวอยู่ในบ้านอีกหลังที่พ่อแม่ของไอ้นาวสร้างขึ้นมาใน บริเวณพื้นที่เดียวกันของครอบครัว ห้องใหม่ของนาวมีห้องน้ำในตัวด้วย ไม่ต้องลงไปใช้ห้องน้ำด้านล่างเหมือนช่วงก่อน ไม่งั้นถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงวุ่นวายน่าดู
ถึง แม้ว่าผมเองจะเคยเปลือยต่อ หน้าน้องมาก็หลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ชินสักที นาวก็เลยเป็นคนจัดการถอดเสื้อผ้าของเราออก ตอนแรกผมจะอาบแบบไม่สนใจนาว แต่ว่าก็ไม่รอดอยู่ดี นาวเข้ามาจัดการอาบน้ำสระผมเหมือนผมเป็นเด็กเลย โดยให้เหตุผลเดิมคืออยากทำแบบพี่คิมบ้าง ผมเองไม่อยากตกลงเพราะรู้ว่าถ้านาวโดนตัวผมต้องเกิดอารมณ์แน่นอน แล้วก็เป็นจริงตามคาด ท่อนลำของผมก็ผงาดขึ้นมา นาวจะเข้ามาจัดการผม ผมเลยขอร้องให้ใช้แค่มือ นาวตกลงแต่ขอเอาท่อนลำของตัวเองไถร่องก้นผมไปด้วย บรรยากาศในตอนนั้นมันดูเร้าใจมาก มีน้ำไหลออกมาจากฝักบัว ผู้ชายสองคนต่างกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกลางสายน้ำอย่างหื่นกระหาย ปากจูบกันอย่างเมามัน มือสองข้างของผมโอบไปที่ต้นคอนาว มือหนึ่งของนาวลูบไล้เนื้อตัวผม มือหนึ่งรูดท่อนลำไปมา พร้อมกับเอาท่อนลำของตัวเองไถร่องก้นผมไป ด้วยความที่ของนาวใหญ่ ไม่ต้องเสียบเข้าไปแค่นี้ก็แน่นจนก้นผมขมิบไปหมด ที่สุดแล้วเราสองคนก็ทะลักทลายไปพร้อมๆกัน พอเสร็จกิจเราสองคนก็หันหน้ามาจูบกันอย่างเร่าร้อน มือของนาวบีบเค้นเนื้อตัวผมอย่างหนักหน่วง นาวเพ้อหาแต่พี่อามตลอดเวลา นาวบอกด้วยความดีใจกับผมว่า
“ใน ที่สุดพี่อามก็ยินยอมกับนาวแล้ว” พอผมฟังก็เริ่มให้คิดว่านี่เรากำลังทำอะไรลงไป แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไปดี พอเช็ดตัวแล้วผมก็ไปนั่งบนเตียงเพื่อเช็ดผม นาวก็เข้ามากอดที่ขาผม เหมือนแมวที่มาคลอเคลียที่ขาเจ้าของ ผมเห็นอาการแบบนี้เลยไม่แน่ใจว่าคิดผิดหรือถูกที่ยอมให้น้องมีความสุขได้ ขนาดนั้น พอสักช่วงบ่ายๆผมไม่อยากอยู่บ้านเพราะเดี๋ยวจะมีอีกหลายยก วันนั้นผมก็เลยคิดว่าอยากให้นาวออกมาจากมุมมืด ก็เลยพาไปดูหนังกัน ตอนที่ดูหนังนาวก็นอนซบผมตลอดเวลา มือก็ไม่ยอมปล่อยผมเลย แล้วก็พาไปเลี้ยงไอติมสเวนเซ่นส์ ด้วยความที่ไปกินกันสองคนก็เลยสั่ง Earth Quake มาทานด้วยกัน นาวพยายามป้อนผมบ่อยมากแต่ผมไม่เอาลูกเดียวแต่แค่นี้นาวก็ดูจะมีความสุขมาก ปิดท้ายด้วยการไปนั่งเล่นกันที่สวนสาธารณะที่อยู่ริมน้ำ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรบางอย่าง
“นาวเรามาตกลงอะไรกันดีมั้ย”
“อืม ครับพี่อาม” นาวดูกังวลใจ ผมเลยจับมือนาวแล้วมาวางบนตักผม
“เรา สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้พี่ต้องลำบากใจ ถ้านาวต้องการอะไรนาวบอกพี่ถ้าพี่ให้ได้พี่จะให้ แต่พี่บอกตามตรงเลยนะพี่เลิกกับคิมไม่ได้หรอก พี่ก็ไม่อยากให้เขาเสียใจเหมือนกัน แต่พี่ก็ใจร้ายกับน้องตัวเองไม่ได้ด้วย นาวจะตกลงตามนี้ได้ไหม”
“แค่ พี่อามไม่บอกว่าจะทิ้งนาวไปอยู่กับพี่คิม นาวก็ดีใจมากแล้ว ที่พี่อามบอกเป็นโบนัสอีกต่างหาก” นาวน้ำตารื้นขึ้นมา ผมเลยคว้านาวมากอดแล้วก็ร้องไห้เหมือนกัน แล้วบอกว่า
“ขอบใจนะนาว พี่รักนาวนะ”
“ผม ก็รักพี่อามครับ” โชคดีที่ว่าตอนนั้นค่ำแล้วเลยไม่มีใครสังเกตเห็น เรื่องที่เราคุยกันวันนี้เหมือนว่าจะจบ แต่ชีวิตจริงไม่ได้ง่ายอย่างในนิยาย ผมยังต้องเจอกับอะไรอีกมากที่ไม่สามารถจะคาดเดาได้ในอนาคต พอกลับบ้านในคืนนั้น นาวดูจะมีความสุขมากมาย แล้วก็กอดผมไว้ในอ้อมแขน ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงคิม
“นาวพี่จะติดคุกหรือเปล่า”
“อ้าว ทำไมอ่ะ” นาวสงสัย
“ก็นาวอายุไม่ถึง 18 เลย แล้วแบบนี้พี่จะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์รึเปล่า” ผมตอบแบบยิ้มๆ
“ไม่หรอก ถ้าจะติดต้องเป็นนาว เพราะนาวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน นาวไม่ยอมให้คนรักของนาวไปจากนาวง่ายๆหรอก”
“แต่ วันนึงนาวก็คงจะเบื่อพี่แล้วล่ะ เพราะพอนาวโตเป็นผู้ใหญ่ เข้ามหาวิทยาลัยไป ก็ได้เจอกับคนใหม่ๆ วันนั้นนาวอาจจะเจอคนที่ใช่แล้วก็ได้นะ” ผมพยายามพูดตามความจริง
“นาวจะไม่เถียงพี่อามแล้ว ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกัน” เสร็จแล้วก็คว้าผมมาจูบ แล้วก็เอาตัวเองมาซุกไซร้ผม
“ไม่เบื่อบ้างเหรอทำกับพี่แบบนี้ตลอด”
“ไม่ หรอกนาวมีความสุข อยากอยู่กับพี่อามแบบนี้ตลอดเวลา ไม่อยากให้พี่อามไปเป็นของใคร” พอนาวพูดประโยคสุดท้าย นาวดูน้ำเสียงแผ่วเบา คงน้อยใจตัวเอง
“ตอน นี้พี่ก็เป็นของนาวแล้วไง” ผมพยายามปลอบนาว นาวก็เลยเอามือมาจับแก้มผมแล้วก็ลูบไปมาอย่างแผ่วเบาเหมือนไม่อยากให้ผมหนี ไปไหน จากนั้นนาวก็เริ่มเกมรักกับผมด้วยความที่ผมยินยอม นาวตักตวงความสุขอย่างไม่รู้จบตลอดค่ำคืน ผมไม่เคยเห็นนาวมีอาการแบบนี้มาก่อน ผมมีความรู้สึกว่าเหมือนน้องตัวเองกำลังขึ้นสวรรค์ ผมตกเป็นของนาวอย่างสมบูรณ์ แต่ว่าผมเองนั้นกำลังรู้สึกเหมือนกำลังจะตกนรก เพราะนอกใจคิม

ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณโดโรธี ที่ตอบละเอียดมาก ถ้ารู้ว่าจะมีคนทรมานเพราะคอยผม ผมจะมาให้เร็วนะครับ
บทที่ 10 รักแฟนเสียดายน้อง แล้วผมจะเลือกใคร
เมื่อ ตื่นเช้าขึ้นมา นาวยังคงนอนหลับปุ๋ยโดยที่ยังกอดผมไว้ในอ้อมแขน ผมค่อยๆเอาตัวออกจากนาว แล้วอาบน้ำชำระล้างตัวเอง เผื่อความผิดบาปของผมจะได้ถูกน้ำชำระล้างให้สะอาดได้บ้าง ผมรู้สึกว่าตัวเองขัดสีฉวีวรรณตัวเองมากกว่าปกติ แต่พออาบไปก็ทำให้คิดถึงสัมผัสของสองหนุ่มที่เข้ามาแทรกแซงในความคิดพร้อมๆ กัน ยิ่งอาบน้ำแทนที่จะสดชื่นกลับสับสนมากกว่าเดิม ผมออกมาจากห้องน้ำแล้วนั่งลงที่เตียงพร้อมจิตใจล่องลอยแล้วนาวก็โผล่มาก่อน เอวผมจากด้านหลัง
“พี่อามทำไมตื่นเร็วจัง ไปอาบน้ำก็ไม่ชวนนาว” พูดจบก็มาจูบที่หลังผมไปอีกหลายฟอด แต่ผมดูจะนั่งเงียบจนนาวต้องถามว่า
“พี่อามเป็นอะไรอ่ะ ทำไมดูหน้าเศร้าๆ”
“พี่ กำลังรู้สึกผิดกับคิมน่ะ” ผมหันมายิ้มกับน้องแบบฝืน รู้สึกว่าน้ำตามันขึ้นมาปริ่มเหมือนจะร้องไห้ นาวเห็นก็เลยคว้าผมมากอดปลอบ แล้วก็หอมแก้มผมเบาๆ
“ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่อามก็มีนาวเป็นน้องแล้วมีพี่คิมเป็นแฟนไง พี่อามไม่เห็นต้องรู้สึกผิดเลยจริงไหม” โธ่น้องรักถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ ถ้าเราเป็นพี่น้องกันจริงๆอ่ะ แต่ผมไม่รู้จะพูดยังไงต่อดี เลยได้แต่อยู่นิ่งๆให้นาวกอดอยู่อย่างงั้น
ช่วง เย็นก่อนที่ผมจะกลับหอ ผมก็ยังไม่ค่อยรู้สึกสบายใจที่จะกลับไปเจอหน้าคิม แถมก่อนที่นาวจะกลับยังจูบมัดจำผมไว้อีกตั้งนาน เลยไม่รู้จะทำหน้ายังไง นาวบอกว่าทำหน้าก่อนหน้านี้แบบไหนก็ทำไปแบบนั้นแหละ
“นาวก็พูดได้สิ นาวไม่ได้เป็นพี่ซะหน่อย”
“แล้ว พี่อามรู้รึเปล่า ว่านาวต้องอดทนขนาดไหนที่ต้องคิดถึงพี่อามตลอดเวลา นาวก็ต้องเฝ้ารอคนที่รักกลับมาหา มันก็ทรมานไม่น้อยเหมือนกันนะ” โอ้โห เป็นคำพูดที่ผมยังจดจำได้มาถึงทุกวันนี้ เพราะไม่คิดว่านาวจะพูดได้ขนาดนี้ ยังกับในหนังรักเลยอ่ะ นี่นาวพูดมาจากใจหรือจำเขามารึเปล่า แต่แค่นี้ผมก็พูดอะไรไม่ออกแล้วครับ นาวเอาสองมือมาจับแก้มผม
“ผมรักพี่ อาม พี่อามอย่าคิดมากเลย แคพี่อามบอกว่ารักนาว ไม่ทิ้งนาวไปไหนนาวก็พอใจแล้ว แม้ว่าพี่อามจะไม่ได้เป็นของนาวคนเดียวก็ตาม” แล้วนาวก็มาจูบผมอีกที ผมก็ได้แต่พูดอะไรไม่ออก นี่ผมเป็นนายอิจฉาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย
พอกลับไปถึงห้อง คิมคว้าผมมาจูบก่อนเลย เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ทัน แทบล้มไปกองกับพื้น
“คิด ถึงอามจังเลย” คิมพูดจบก็ยิ้มกว้างเชียว ตอนแรกผมก็คิดว่าไม่มีใครอยู่ห้อง ปรากฏว่าไอ้วิน กับไอ้บีมมันอยู่ในห้องครับ ผมตกใจเกือบตาย เพราะอย่างมากแค่กอดก็ถูกไอ้สองตัวนี่มันรอจะแย่อยู่แล้ว เลยตีคิมที่แขนเบาๆแล้วบอกว่า
“คิมทำไหมทำแบบเนี่ย แค่กอดพวกนี้มันก็ล้อจนแย่แล้ว” ผมแอบงอน
“โธ่อามเราก็แค่จูบกัน ไม่ได้เย่อกันให้ใครเห็นเหมือนไอ้สองตัวนี่นิ”
“หาคิมหมายความว่ายังไง ไอ้สองตัวนี้มันไปเย่อกับใครมา อย่าบอกนะว่า....” เฮ้ยผมไม่เชื่อ ไอ้สองคนนี้มันจะ.....
ตอนนั้นหน้าไอ้สองคนนั้นแบบว่า หน้าแดงก่ำด้วยความอายครับ ผมก็เลยพอจะมองออกว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกมึงเป็นคู่เกย์กันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ กูงง แล้วทำไมพวกมึงถึงแบบว่าเย่อกันจนคิมมาเห็นได้ล่ะ” ผมซักใหญ่เลยครับ
“เออ แบบว่ามันเริ่มต้นจากที่ว่าพวกกูสองคนเมาแล้วมีอะไรกันโดยไม่ตั้งใจตั้งแต่ เมื่อเดือนก่อน พวกเราสองคนก็พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ตั้งใจน่ะ แต่พออยู่ด้วยกันสองคนทีไรมันก็ห้ามใจไม่ได้ทุกที ที่ไอ้คิมมาเห็นกูพลาดเองแหละที่ไม่ได้ล็อกห้องให้ดี เลยพลาดเลยนี่พึ่งออกจากเตียงก่อนมึงมาแป็บเดียวเอง” วินเป็นคนเล่าครับ บีมนั่งเงียบเลยดูแบบว่าอายมาก
“เฮ้ยไม่ต้องซีเรียสหรอก กูไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย แล้วทำไมต้องมานั่งกันอยู่ตรงนี้ด้วยล่ะ” ผมรู้สึกเห็นใจพวกมันมากกว่าครับ
“ก็ พอไอ้คิมมาเห็นกูก็หมดอารมณ์แล้ว แล้วไม่รู้จะพูดต่อว่ายังไงดีอ่ะ เลยออกมานั่งตรงนี้กันซักพัก รอให้มึงกลับมาด้วยจะได้บอก” วินดูหน้าซีดมากครับ เหมือนกลัวผมจะล้อมันยังไงไม่รู้
“แล้วพวกมึงสองคนเป็นอะไร ทำไมดูกลัวๆขนาดนั้น” ทีนี้บีมพูดบ้าง
“บอก ตามตรงเลยนะ คือเราสองคนกำลังสับสน คือปกติพวกเราชอบผู้หญิงกันอยู่นะ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ด้วยกันทีไรมันเหมือนห้ามใจไม่ได้กันสักที”
“เอา งี้ ดีกว่า พวกมึงก็ลองถามกันดูให้ดีๆ ว่ารู้สึกยังไงกัน แล้วทำตามที่หัวใจปรารถนาเถอะ” จากเหตุการณ์ในคืนนั้น พวกมันสองคนก็ดูจะผ่อนคลายและยอมรับในตัวเองกันได้มากขึ้น แม้ว่าพวกมันสองคนจะเริ่มจากความไม่ตั้งใจ ไม่ได้ดูหวานซึ้ง แต่ก็รักกันมาก สิ่งที่ผมอิจฉาก็คือ อย่างน้อยมันก็มีสองคน ไม่เหมือนผมที่ต้องไม่รู้จะทำอย่างไร ความสัมพันธ์แบบสามคนของผมดำเนินไปเรื่อยๆในระยะเวลาหนึ่ง พอถึงช่วงเรียนจบ ทำให้ผมทนต่อไปไม่ไหว ผมคงต้องเลือกใครสักคนเพื่อยุติความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนนี้ หรือจบไปกับคนทั้งคู่เลย ผมรู้สึกอัดอั้นตันใจมากมาย
จน ในที่สุด ผมเลยทำการร่างจดหมายเพื่อสารภาพความผิดทั้งหมด เพื่อเตรียมจะขอเลิกกับคิม เพราะผมไม่อยากให้คนดีๆอย่างเขา มารักคนแบบผมอีกต่อไป ให้เขาไปเจอใครที่ดีกว่า แม้ว่าผมจะเห็นเขาเจ็บปวดในตอนนี้ แต่ถ้าปล่อยไว้ไปอีกนาน คิมที่รักของผมคงเจ็บกว่านี้อีกมากมายหลายร้อยเท่า ส่วนนาวนั้นผมเชื่อว่าอีกไม่นานถ้าได้เข้ามหาวิทยาลัยเมื่อไหร่ ผมคงยุติความสัมพันธ์ที่สับสนนี้ลงได้ซะที ผมกะว่าจะให้จดหมายกับคิมในวันที่ผมขนของกลับบ้านที่ใต้ คิมจะได้ตามตัวไม่เจอ เพราะคิมไม่เคยไปที่บ้านใหม่ของผมที่ภาคใต้ อย่างมากคงทำได้แค่โทรมาหาผม เมื่อใกล้สอบเสร็จผมแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยมาก เพราะรู้ว่าจะต้องจากคิมแล้ว ทั้งที่ไม่อยากทำ ผมคิดไว้ว่าจะยื่นจดหมายให้คิมวันที่กลับบ้านที่ใต้ แล้วจะกำชับว่าให้เปิดอ่านอีกสามวันหลังจากที่ผมให้เพราะคิมจะได้ตามผมไม่ เจอ แต่ว่าจดหมายสารภาพบาปของผมก็ไม่ได้ให้ตามที่มุ่งหวัง เพราะว่าคิมมาพบมันเข้าซะก่อน วันนั้นไอ้สองคนนั้นมันก็ไม่อยู่ ไม่มีใครช่วยผมได้ทั้งนั้น ผมกำลังจะถูกพิพากษาแล้ว

“ หาไอ้นี้อยู่ใช่ไหม” คิมชูจดหมายสารภาพบาปของผมขึ้นมา ผมตกใจจนล้มลงไปกองกับพื้น ตอนนั้นผมหมดแรงไปเลย แต่ที่ผมตกใจมากไปกว่านั้นคือ คิมเข้ามาลากตัวผมไปนั่งที่โซฟาในห้องโถง แล้วก็รีบไปหาผ้าพันคอที่มีอยู่มามัดมือมัดเท้าผมไว้ อืมผมคิดในตอนนั้นว่าถ้าคิมจะฆ่าผมตายผมก็จะไม่โกรธเลยถ้ามันจะชดเชยความผิด ได้ คิมเอามือมาจับที่แก้มผมอย่างเบามือ แต่สีหน้าคิมเฉยชาปราศจากความรู้สึกใดๆ สายตาคิมของคิมหม่นเศร้า ผมมองแล้วรู้สึกกลัวจับจิตจับใจ
“ทำไมล่ะอาม ทำไมล่ะที่ไม่เป็นคิม คิมไม่ดีตรงไหนถึงอยู่กับอามไม่ได้”
“คิม เป็นคนดี เราต่างหากที่เป็นคนไม่ดีจนต้องเดินออกมาจากคิม เราไม่สามารถทรยศคิมได้อีก เราอยากให้คิมไปหาคนที่รักและซื่อสัตย์กับคิม อย่าอยู่กับคนแบบเราเลย” แต่ดูเหมือนว่าคิมจะไม่ได้ใส่ใจคำที่ผมพูดเลย คิมดูเหมือนคนเลื่อนลอยและไม่มีสติ แล้วคิมก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด เขาใช้เรี่ยวแรงจากไหนก็ไม่รู้มาฉีกทึ้งเสื้อผ้าผมจนขาดหมด ผมถูกมัดในสภาพเปลือยเปล่า แล้วคิมก็เข้ามาโอบผมจากทางด้านหลัง แล้วลูบตามเนื้อตัวผมพร้อมกับเพ้อแต่คำว่า
“อามเป็นของคิม คิมรักอาม ไม่ยอมให้อามไปเป็นของใครทั้งนั้น” พูดจบก็เอามือมาจับท่อนลำผมรูดขึ้นลงไปมา
“คิมอย่าทำแบบนี้ ขอร้องล่ะ” ผมมีไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมีอะไรกับคิมได้จริงๆ
“เราลีลาไม่ดีพอใช่ไหม เราจะปรนเปรอให้ดีกว่าเดิมนะ รับรองเลยมันต้องเยี่ยมกว่าไอ้เด็กบ้านั่นแน่ๆ”
“ไม่นะไม่เกี่ยวกัน เรารักคิม แต่เราอยู่กับคิมแบบนี้ต่อไปไม่ได้” แต่คิมเอามือมาปิดปากผม แล้วกระซิบข้างหูว่า
“อย่า มาพูด ชอบใช่ไหมล่ะ เนื้อเด็กๆเคี้ยวแล้วมันกรุบๆดีใช่ไหมล่ะ ถึงได้ไม่ยอมเลิกยุ่งกับมันซะที คิมก็รอว่าเรียนจบแล้วอามจะมาเป็นของคิมคนเดียว แต่อามกลับไปหามัน” พอคิมพูดจบ ผมค่อยๆคิดตาม เฮ้ยแสดงว่าคิมรู้เรื่องมาก่อนแล้ว ทำไมผมไม่ระแคะระคายเลย
“ทำไมคิมรู้” ผมรู้สึกตระหนกมาก
“วัน ที่อาม มือเจ็บอยู่ในโรงพยาบาล คิมเห็นมันจูบอาม ไอ้บ้านาวมันจูบแฟนเรา คิมแทบเป็นบ้าเลยรู้ไหม” ฉิบหายทำไมผมไม่เคยเอะใจมาก่อนเลย ที่ผ่านมาคิมรู้มาตั้งนานแล้วเหรอเนี่ย เชี่ยเอ้ย งานเข้าเลยกู

บทที่ 11 โทษทัณฑ์
โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบเขียน Diary เพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆเก็บไว้ เพราะผมมีความรู้สึกว่าถ้าเก็บอะไรไว้ในหัวอย่างเดียวผมคงต้องประสาทตายก่อน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีเราสามคน ผมเขียนแล้วก็จะเก็บซ่อนอย่างมิดชิด แต่คิมก็หามันเจอจนได้
“พอมาอ่าน Diary อามเราก็เลยยิ่งรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ผมตกใจมากเพราะปกติแล้วเราสองคนไม่เคยก้าวก่ายข้าวของส่วนตัวของกันและกัน แบบนี้มาก่อนเลย
“ทำไมคิมทำแบบเนี่ย” ผมรู้สึกเหมือนจะร้องไห้
“ไม่ทำแล้วจะรู้เหรอว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” คิมตวาดใส่ผม เป็นครั้งแรกที่คิมทำแบบนี้
“แต่คิมยังดีใจนะที่อามยังรักคิมอยู่ เราเลยเฝ้ารอไงว่าเมื่อไหร่อามจะเป็นของคิมคนเดียว อามเข้าใจมั้ยว่าคิมจะไม่เลิกกับอาม” คิมพูดจบก็เอามือมาบีบที่หน้าอกผมอย่างรุนแรง มันเจ็บไปหมด
“ไม่ได้ เราไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปแล้ว” ผมตวาดสุดเสียง แล้วคิมทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด คือเอาฟันของตัวเองมากัดที่ต้นคอผม ผมเจ็บจนสะดุ้ง ผมรู้สึกได้ว่าเลือดผมไหล แล้วคิมก็ใช้ปากดูดตามตัวผมจนเป็นรอยไปทั่วตัว
“คิมทำสัญลักษณ์ของเราไว้ทั่วตัวอาม อามไม่มีทางกลับไปหานาวในสภาพนี้ได้หรอก” ตอนนี้เหมือนคิมจะกลายเป็นแวมไพร์ไปแล้ว
“ปล่อยเราไปเถอะ” ผมร้องไห้ด้วยความกลัว
“ฝันไปเถอะ นี่อามชอบกินเด็กตั้งแต่เมมื่อไหร่ มันปรนเปรอให้อามถึงใจกว่าคิมใช่มั้ย” คราวนี้คิมเริ่มโกรธขึ้นมามากจริงๆ
“เราทำคิมเจ็บไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วต่างหาก”
“การที่อามทิ้งคิมไปต่างหากที่ทำให้เราเจ็บ ถ้าอามทิ้งคิมเราขอตายดีกว่า” แล้วคิมก็เดินไปหยิบมีดปอกผลไม้มา คิมมายืนตรงหน้าผม แล้วเตรียมจะเชือดคอตัวเอง ผมตกใจกับคิมอีกครั้ง
“อย่าคิม คิมเป็นคนที่ดี อย่าทำร้ายตัวเองเพราะคนแบบเรา” ผมสงสารคิมมาก
“อามทิ้งคิม แล้วจะมาสนใจอะไร ถ้าเราตายอามก็จะได้ไปอยู่กับนาวแล้วไง” คิมยิ้มสั่งลา แล้วกำลังจะเชือดคอตัวเอง
“อย่าทำแบบนี้เลย คิมอยากได้อะไรเราจะยอมทั้งนั้น” ผมกลัวคิมตายครับ เลยจำยอมอย่างไม่มีทางเลือก
“อามพูดจริงนะ” คิมเริ่มยิ้มออก ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา
“ห้ามเลิกกันเด็ดขาด ไปอยู่กับเราเดี๋ยวนี้เลย”

จาก นั้นคิมก็เดินเข้า ไปหาเบตาดีนมาทำแผลที่ต้นคอผม แต่ก็ยังไม่แก้มัดและปล่อยให้ผมเปลือยเปล่าอยู่อย่างนั้น ผมสังเกตว่าคิมจัดการเก็บข้าวของตัวเองและผมอย่างรวดเร็วที่สุด แล้วคิมพยุงผมให้ดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง ผมคิดว่าน่าจะใส่ยานอนหลับ เพราะหลังจากที่ดื่มเข้าไปก็หลับไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย
จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองไม่อยู่ในหอพักแล้ว รู้แต่ว่าอยู่ในที่ที่ดูหรูหรา มองมาที่ตัวเองก็พบว่าอยู่ในชุดนอนสีขาวสะอาดตา (ปกติแล้วผมไม่ใส่เสื้อสีขาวนอนนะครับ) พอจะลุกขึ้นก็เลยรู้สึกว่ามือสองข้างของตัวเองผูกอยู่กับที่เสาเตียง แล้วคิมก็เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารเช้า
“ตื่นแล้วหรือครับ ทาสที่รักของผม” เอ่อผมคิดในใจว่า ทาสที่รักเหรอ
“ที่นี่ที่ไหน” ผมงงไปหมดแล้ว
“คอนโดคิมเองแหละ ที่บ้านเราซื้อไว้ พอเราอายุ 20 ก็ไปโอนชื่อให้เป็นของขวัญวันเกิด จริงๆเรากะจะให้เป็นเรือนหอเรานี่แหละ ชอบมั้ยที่รัก อามต้องอยู่กับคิมที่นี่แหละ แล้วอย่าได้คิดหนีเชียว เพราะจะเข้าจะออกต้องมี Key card แล้วก็มีที่คิมคนเดียว อามอย่าหวังเลย ผมกลับมาคิดตอนนี้ว่าเฮ้ยกูเป็นโสรยาในเรื่องจำเลยรักไปแล้วเหรอว่ะ เขาไปถูกขังในเกาะ กูถูกขังในคอนโด
“คิมปล่อยเราไปเถอะ คิมทำแบบนี้แล้วพ่อแม่เราจะว่ายังไง เขาคงเป็นห่วงเราแย่แล้ว”
“ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ! ปล่อยอามไปก็ไปหาน้องนาวน่ะสิ”
“ไม่หรอกคิม เราว่าคิดไว้แล้วว่าจะกลับบ้าน แล้วจะไม่มาเจอนาวอีก”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ยังไงนาวก็ต้องตามหาอามอยู่ดี อยู่กับคิมดีที่สุดแล้ว”
“ไม่นะ เราไม่ใช่นักโทษอามนะ”
“เป็นสิ ข้อหาทรยศนอกใจไง แต่อามไม่ทรมานหรอก จะมีแต่ความหฤหรรษ์จนทนไม่ไหวซะมากกว่า เราจะปรนเปรออามให้คิดถึงใครไม่ได้อีกเลย” คิมคว้าผมมาจูบ ผมหันหน้าหนี แต่โดนคิมบีบปากไว้ให้จูบต่อ
“กินข้าวซะเดี๋ยวเราป้อนนะ เมื่อเย็นวานก็ไม่ได้กินอะไรเลย”
“ปล่อยเราไปเถอะ” ผมเริ่มร้องไห้ แต่ว่า...
“อ้าปากนะครับ เดี๋ยวเราป้อนเอง” ผมรู้ว่าไม่มีทางเลือกเลยต้องอ้าปากให้คิมป้อนข้าวทั้งน้ำตา
พอกินข้าวเสร็จ คิมก็แก้มัดจากเตียง แล้วผมไปอาบน้ำ แต่ไม่วายก็ถูกมัดมือไพล่หลังอีก ผมโดนควบคุมยิ่งกว่านักโทษ พออาบน้ำเสร็จคิมก็จับผมมัดกับเตียงเหมือนเดิม แล้วเริ่มต้นเกมสวาทกับผมในวันนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเหมือนกวางที่โดนหมาป่าขย้ำซะยับเยิน เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีเลือดไหลมาจากก้น มันแดงฉานไปหมดเลย หยดหยาดความเป็นชายของผมก็เหมือนจะหมดไปจากตัวแล้ว มันทรมานกว่าตายซะอีก ผมร้องไห้คิดถึงพ่อแม่ และหลังจากที่คิมเปลี่ยนผ้าปูที่นอน คิมก็เข้ามานอนกอดผมผมไว้ทั้งที่ผมยังโดนมัดอยู่ เหมือนกลัวว่าผมจะหนี ไม่ต้องมัดหรอก แค่นี้ก็ระบบไปทั้งตัวจนลุกไม่ไหวแล้ว
ผลจากคืนนั้นทำให้ผมไข้ขึ้นเพราะอ่อนเพลีย คิมก็เลยมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ผม คิมคงจะเห็นสภาพผมแย่มากก็เลยพูดด้วยความสำนึกผิดว่า
“ขอโทษนะที่เราทำรุนแรงกับนาย ได้อยู่กันสองคนแท้ ยังจะทำให้เสียบรรยากาศอีก เรานี่มันแย่แล้วก็ไม่ได้ความเลย”
“เราไม่โกรธคิมหรอก” ผมรู้สึกว่าที่โดนไปมันยังน้อย ถ้าคิมจะฆ่าผมให้ตายก้ไม่แปลก
“แต่ก็จะเลิกกับเราใช่ไหม” ผมพูดอะไรต่อไม่ถูกครับ คิมดูหม่นเศร้าเสียจริง
“อย่าอยู่กับคนทรยศอย่างเราเลยนะ” ผมขอร้องคิมดีๆ
“ไม่เอาแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า เช้านี้กินอะไรดี เอาอ็อมเล็ตใส่ชีสเยอะๆมั้ย ที่อามชอบน่ะ เราทำอร่อยนะ”
“คิมใจร้าย คิมที่เรารักหายไปไหน”
“อามต่างหากใจร้าย จะทิ้งเราได้ลงคอ คิมที่รักอามยังอยู่ตรงนี้แหละ แต่เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่คนที่รักปันใจให้คนอื่น อามจะเลิกกับเราทำไม ขนาดใน Diary ยังบอกเลยว่ายังรักคิมอยู่ อามไม่มีเหตุผลเลย
“แต่ตอนนี้เราเกลียดคิม คิมได้ยินมั้ย” ผมประชดประชันคิม เพราะกดดันมาก แล้วก็ร้องไห้อีกแล้ว
“แต่เรารักอามสุดขั้วหัวใจเลย อามเป็นของคิมตลอดกาล” คิมดูน่ากลัวขึ้นทุกที

ผ่าน ไปประมาณสองสาม วัน ผมเริ่มจะยอมรับสภาพได้ ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่ร้องโวกเวกโวยวาย ผมรู้สึกว่าอยู่แบบนี้สักพักก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยจะได้ทบทวนตัวเองในเรื่องที่ผ่านๆมา คิมก็ไม่ได้ทำทารุณกรรมผม แต่ผมเหมือนเป็นเจ้านายน้อยๆที่คิมดูแลอย่างดี เพียงแต่มีข้อแม้ว่าผมห้ามออกจากห้องเท่านั้นเอง พอผมดูสงบลง ไม่พูดว่าจะเลิกกับคิม คิมดูจะเหมือนร่าเริงอย่างเก่า เอาใจผมมากมาย ทำอาหารอร่อยๆให้ผมทานเยอะแยะ จนผมรู้สึกได้ว่าตัวเองน้ำหนักขึ้นแน่นอน (จากเดิมที่ไม่ค่อยจะผอมอยู่แล้ว) แล้วที่ผมชอบมากคือคิมเอาเพลงแนวแจ๊ซมาเปิดให้ผมฟังอยู่เสมอ จนผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มและทำให้ลืมความทุกข์ไปได้ช่วยขณะ ตอนที่เราสองคนบรรเลงเพลงสวาท คิมกับผมก็ดำเนินมันไปอย่างช้าๆ มันนุ่มนวลอ่อนหวาน คิมดูทะนุถนอมผมมาก เวลาที่เกมสวาทของเราจบลง ครั้งหนึ่งคิมพูดออกมาว่า
“เราขอโทษนะ เราไม่น่ารุนแรงกับอามเลย” ผมไม่โกรธคิมเลย ผมได้แต่ยิ้มแล้วก็ส่ายหน้า ประมาณว่าไม่โกรธเลย แล้วก็เอามือสองข้างไปโอบคิมไว้ คิมก็เข้ามาจูบผมแล้วกอดผมไว้ทั้งคืน ตื่นมาเช้าอีกวันพอคิมตื่นแล้ว ผมก็เลยถามว่า
“คิมตั้งแต่เราคบกันมา เรายังไม่รู้เลยว่า ทำไมคิมมารักคนอย่างเราได้”
“ไม่รู้สิ บางทีความรักมันก็อธิบายยากเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว” ผมฟังแล้วก็คิดตาม แล้วผมกับนาวล่ะ ผมก็เลยได้แต่เงียบ คิมเห็นผมเหมือนจะรู้ว่าคิดอะไรอยู่ ก็เลยพูดว่า
“คิดถึงเรื่องนาวอยู่ละสิ” น้ำเสียงคิมเหมือนงอนผม ผมก็เลยบอกว่า
“ขอโทษนะ แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน” ผมจับมือคิมมาจูบ
“แล้วเราจะรอนะ” คิมพูดจบก็ขยับผมเข้ามากอดไว้ที่อก ผมได้ยินเหมือนคิมจะร้องไห้ ผมทำคิมร้องไห้อีกแล้ว ผมมันแย่จริงๆ
ระหว่างที่ผมอยู่ในห้องผมก็ทำเจริญสติ ทำสมาธิภาวนา เพื่อให้จิตใจของตัวเองสงบลง โดยที่คิมก็เริ่มที่จะเรียนกับผมด้วย หลังจากที่เห็นผมปฏิบัติมาตั้งแต่คบเป็นแฟนกับใหม่ๆ คิมเองก็จะดูสงบลงมากทีเดียว

แต่ ว่าแม้คิมจะดูสงบ ลง ก็ไม่ได้มีท่าทีจะปล่อยตัวผมแต่อย่างใด แต่ผมไม่กังวลอะไร เพราะรู้ว่าคิมจะไม่ทำร้ายผม และดูเหมือนคิมจะดูหลงใหลผมมากกว่าเดิม อืมที่ต้องใช้คำว่าหลงใหลเนี่ย เพราะดูคิมชอบที่จะคลอเคลียผมตลอดเวลายังกับแมว เอ้พอดูไปดูมานาวกับคิมก็มีอะไรคล้ายกัน เหมือนคิมเป็นนาวแต่อยู่ในอายุที่มากกว่าเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ที่ผมห่วงคือพ่อกับแม่ เพราะผมเล่นหายไปแบบไร้ร่องรอย บ้านช่องก็ไม่กลับ ก็เลยเจรจากับคิมประมาณว่า คิมจะขังเราไว้ก็ไม่ว่าหรอก แต่ช่วยบอกพ่อแม่เราหน่อย เราไม่อยากทำให้พ่อแม่เป็นห่วง คิมฟังแล้วก็พอจะเข้าใจ และจัดการให้ผมเรียบร้อย คิมบอกที่บ้านผม ว่ามือถือผมเสียระหว่างไปออกต่างจังหวัดแล้วหาร้านซ่อมไม่ได้ แล้วคิมก็บอกไปอีกว่าบริษัทที่บ้านมีโครงการจะเก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวทาง ธรรมชาติเพื่อทำโครงการ ผมเลยต้องอยู่กับคิมเพื่อช่วยงานอีกพักใหญ่ๆ สุดที่รัก(แม่ผม) ก็เห็นดีเห็นงามแบบไม่ถามอะไรสักคำ แถมบอกคิมอีกว่าอย่าตามใจผมมาก เดี๋ยวงานจะเสีย ผมอยากพูดกับที่บ้านมาก แต่คิมก็รอบคอบได้อีก คือจับผมมัดมือ มัดปากไว้ก่อน เพราะกลัวผมจะร้องแล้วความแตก คิมก็เลยปิดท้ายว่าผมไม่สบายเลยนอนอยู่มาคุยโทรศัพท์ไม่ได้ เรื่องที่ผมถูกคิมจับมาก็เลยเป็นความลับต่อไป
จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งอาทิตย์คิมต้องกลับไปจัดการเรื่อง Check out ออกจากหอที่ยังค้างคาให้เรียบร้อย แต่วันนั้นเหมือนว่าฟ้าจะเป็นใจ คิมลืมโทรัพท์มือถือผมเอาไว้ พอได้โอกาสผมรีบเปิดดูทันที และผมว่ามี SMS จนเต็มกล่องจัดเก็บ ถูกต้องแล้วครับ นาวนั่นเองที่ส่งมาประมาณว่า
“พี่อามไปไหนนาวคิดถึงจะแย่แล้ว”
“ทำไมไม่เปิดมือถือ”
“เกลียดนาวแล้วใช่ไหม”
“พี่อามใจร้าย” ผมเลยส่งข้อความบอกกลับไปสั้นๆว่า
“คิมรู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้ว ตอนนี้กำลังโดนขังอยู่ไม่รู้อยู่ที่ไหน” เท่านั้นแหละครับ นาวโทรมาหาผมทันที
“พี่อามเป็นไงบ้าง” เสียงนาวขาดห้วง ฟังแล้วรู้เลยว่าร้องไห้
“พี่ก็สบายดี คิมไม่ได้ทำรุนแรงกับพี่หรอก แต่ก็มีเจ็บตัวบ้างเหมือนกัน”
“พี่คิมทำอะไรพี่อาม” นาวอารมณ์เปลี่ยนเร็วมาก ดูโกรธขึ้นมาทันที เมื่อผมบอกว่าเจ็บตัว
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็กำลังชดใช้ความผิดไง”
“ให้นาวไปช่วยนะ”
“นาวครับ พี่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ไหน”
“ฮือพี่อามนาวขอโทษ นาวผิดเองที่ทำให้พี่อามเป็นแบบนี้” นาวเริ่มกลับมาร้องไห้อีกครั้ง
“ไม่หรอก พี่เป็นคนเริ่มต้นทุกอย่างเอง”
“แต่ นาวสมยอม นาวเต็มใจ แล้วนาวก็ข่มขืนพี่อามด้วย พี่อามจะผิดได้ไง” ผมคิดในใจว่า ผมโดนนาวข่มขืนหรือเหมือนโดนข่มขืนกันแน่ เพราะก็ต้องยอมรับความจริงว่าลึกๆแล้วผมรู้ว่ามันจะเกิดแต่ก็ไม่ได้จะ ยับยั้งมัน”
“นาว แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพี่โทรไปใหม่ อย่าโทรมานะ เพราะถ้าคิมจับได้ เราอาจไม่ได้คุยกันอีก” นาวร้องไห้เหมือนน้ำตาจะเป็นสายเลือดเลย ผมฟังแล้วหดหู่หัวใจมากมาย พอพูดกับนาวจบ ผมก็นึกถึงคนๆหนึ่งขึ้นมา
“พี่หมอชาญช่วยผมด้วย”
“เฮ้ย ใจเย็นๆเกิดอะไรขึ้น ค่อยๆพูดดิ” พี่หมอชาญฟังแล้วตกใจคำพูดผมมาก ผมเลยต้องอธิบายคร่าวๆว่าผมโดนคิมจับตัวมา แต่ไม่ได้บอกว่าเกิดจากเรื่องนาว แต่บอกว่ามีปัญหากันแล้วก็เลยถูกจับตัวมา เพราะถ้าเล่าทางโทรศัพท์ตอนนี้คงเล่ารายละเอียดได้ไม่ดีพอแน่นอน
“เฮ้ยลองดูดีๆ ไม่มีอะไรบ่งบอกเลยเหรอว่าอยู่ที่ไหน”
“อืม ไม่รู้ ไม่มีอะไรบอกเลย”
“มีโทรศัพท์ในห้องรึเปล่า ลองโทรไปถามส่วนกลางดู อาจได้คำตอบก็ได้นะ”
“แต่ผมไม่เห็นโทรศัพท์เลยนะ”
“ลองหาดู คิมอาจจะซ่อนไว้ก็ได้นะ เป็นไปไม่ได้หรอก ที่คอนโดหรูๆจะไม่มีโทรศัพท์ไว้ในห้องน่ะ”
“ครับพี่หมอชาญ ผมจะลองดู”
“ได้เรื่องแล้ว รีบโทรมาบอกนะ จะได้รีบช่วย”
จาก นั้นผมรีบไปรื้อค้นโทรศัพท์โดยทันที ตอนแรกก็หาไม่เจอไม่รู้ว่าว่าคิมเอาไปไว้ที่ไหน จนกระทั่งมาถึงในห้องน้ำผมก็ค้นไปเรื่อยๆปรากฏว่าเจอครับ คิมเอาโทรศัพท์ไปซ่อนอยู่ในกล่องแล้วเก็บไว้ในตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า (ถ้าใครเคยไปพักที่โรงแรมบางแห่งก็เป็นประมาณนี้) ผมรีบหาสายโทรัพท์ให้เจอแล้วรีบต่อสายทันที โดยผมโทรไปถามส่วนกลางถึงข้อมูลของคอนโดนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้องการเขียนจดหมายแต่จำที่อยู่โดยละเอียดไม่ได้ ก็เลยทำให้รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน แอบตกใจเล็กน้อยว่าตัวเองถูกขังกลางเมืองเลยทีเดียว แล้วก็ใช้มุขบอกว่าบังเอิญทำ keycard หายเลยออกจากห้องไม่ได้ พอเจ้าหน้าที่ทราบเขาก็มาจัดการแก้ไขเปิดห้องให้ครับ โดยผมซื้อ keycard ไว้อีกใบ แต่ก็นั่นแหละครับไม่รู้ว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมีคนชอบมายุ่งเรื่องของผมอยู่เรื่อย
“ขอโทษนะคะ พี่รู้จักแฟนคุณ....(ชื่อจริงคิม)รึเปล่าคะ” สาวน้อยน่ารักที่มาช่วยผมถามทำไมหรือครับ
“ครับรู้จักดีเลยมีอะไรรึเปล่า” ผมคิดในใจกูนี่แหละ มีอะไรรึเปล่าเนี่ย
“อ๋อ เห็นคุณ...บอกว่าจะเอาคอนโดนี้มาไว้เป็นเรือนหอนะค่ะ เลยไม่นึกว่าจะมีใครมาอยู่ที่ห้องนี้ได้ เพราะปกติแล้วดูคุณ...จะหวงห้องนี้มาก” เอาแล้วนี่ถ้าคิมกลับมาความจะแตกมั้ยเนี่ย เอาไงดีวะ
“อ๋อ คิมเขาให้ผมมาพักด้วยเพราะต้องไปทำงานเก็บข้อมูลด้วยกันที่ต่างจังหวัดนะ ครับ จะได้ทำงานด้วยกันสะดวกๆ” ผมนึกเรื่องที่คิมแต่งเรื่องให้สุดที่รักผมฟังมาใช้โดยฉับพลันครับ แล้วเรื่องก็จบลงไปครับ แต่เรื่องใหม่ก็เกิดเพราะผมคิดว่าถ้าคิมสนิทกับคนที่ส่วนกลางขนาดบอกว่าจะ เอาห้องนี้ไว้เป็นเรือนหอ ถ้าวันนี้เกิดผู้หญิงคนนี้บอกว่าได้คุยกับผมจะทำอย่างไรล่ะ ไม่ได้แหละต้องรีบโทรตามพี่หมอชาญมาด่วนเลย
จาก นั้นผมรีบโทรไปบอกพี่หมอ ชาญโดยด่วน พี่หมอชาญขับรถมาหาผมใน 45 นาที แล้วก็รอบคอบมากคือใส่แว่นดำแล้วแต่งตัวปกปิดมาอย่างดี กันกล้องจับได้ ดีอย่างที่คิมกับพี่หมอชาญไม่เคยคุยกันโล่งใจไปอีกดอก อย่างน้อยถ้าผมต้องหนีไปกับพี่หมอชาญคิมคงสืบลำบาก ตอนแรกจะช่วยผมเก็บของหนีโดยด่วน แต่ในตอนนั้นผมรู้สึกว่า การหนีต่อไปไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายก็ต้องเจอทั้งสองหนุ่มอยู่ดี ผมเลยตัดสินใจแฉตัวเองอย่างหมดเปลือกต่อหน้าพี่หมอชาญ ผมบอกพี่หมอชาญว่า ถ้าฟังเรื่องจบจะด่าผมก็ได้ แต่ขอให้ช่วยผมหน่อย ผมไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว ผมเลยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นยกเว้นเรื่องลีลาสัมพันธ์สวาทบนเตียงเท่านั้น พอเล่าจบพี่หมอชาญก็เงียบสักพักก่อนจะพูดว่า
“เฮ้ย พี่ไม่ด่าแกหรอกว่ะ พี่ออกจะอิจฉาแกด้วยซ้ำ เขาสองคนดูรักแกมากนะเว้ย”
“พี่ครับ แต่ผมน่ะมีอะไรกับน้องตัวเอง แถมนอกใจแฟนอีกต่างหาก มันน่าอิจฉาตรงไหน”
“คน บางคนโหยหาความรักยังไม่มาเลย แต่แกเนี่ยมาเกยให้ถึงที่ เรื่องนี้พี่ว่ามันไม่มีผิดถูกหรอก แต่ว่ามันอยู่ที่ว่าความไม่ลงตัวต่างหาก”
“ถ้าผมเลิกกับทั้งสองคน น่าจะดีกว่านะ”
“อาม พี่ว่าถ้าแกเลิกทั้งสองคน ทั้งสองคนถ้าไม่ฆ่ากันตาย ก็ฆ่าตัวตายแน่ๆ”
“งั้นถ้าผมไปมีใหม่ล่ะ”
“หนักกว่าเดิมแน่นอน”
“โอ้ย งั้นผมไปตายดีกว่า
“แกตาย อีกสองคนนั้นก็ตายตามแกอยู่ดี”
“แล้วให้ทำไง”
“คิม เคยได้ยินเรื่องการแต่งงานของคนอินเดีย สมัยโบราณมั้ยที่ว่า ภรรยามีมามีหลายคนได้ในเวลาเดียวกันน่ะ ในเรื่องมหาภารตะก็มีปรากฏการแต่งงานของพี่น้องปาณฑพทั้งห้ากับผู้หญิงคน เดียวกันด้วยนะ
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่า” ผมอึ้งสุดขีด
“เห็นทีว่าต้องอยู่ด้วยกันสามคนแล้วล่ะ”
“ไม่ อาววววววววววว แล้วผมจะบอกญาติพี่น้องว่ายังไง มีลูกพี่ลูกน้องน้องตัวเองเป็นแฟนเนี่ยนะ ขนาดคู่ชายหญิงยังโดนวิจารณ์แหลกเลย แล้วผมโดนไม่โดนด่าเจียนตายก่อนเหรอ (รู้สึกว่าช่วงนี้ของผมคล้ายละครชิงชังที่พึ่งจบไปเลย ตอนที่เห็นก้อยกับยงชัยต้องผิดหวังเพราะเป็นพี่น้องกัน คิดถึงตัวเองขึ้นมาทันทีเลยครับ)
“จะยอมโดนด่าเจียนตายหรืออยากเห็นน้องสุดที่รักของตัวเองตายจริงๆล่ะ” ผมอึ้งไม่รู้จะทำยังไงดีครับ
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นไม่ได้” ผมได้แต่ส่ายหัว
“หรือว่าจะหนีดีละ อามก็ไม่อยากทำใช่ไหมล่ะ” พี่หมอชาญพูดซะจนหาทางหนีทีไล่ไม่ถูก
“ไม่ หนีแต่ขอหลบไปสักพักนึงก่อนละกัน เรื่องนี้คงเร็วเกินไปที่จะพูด คงต้องขอเวลาสักพักหนึ่ง กลับบ้านก่อนละกัน” ผมตัดสินใจ “พักปัญหา”
“เฮ้ย ถ้าแกกลับบ้านนะรับรองมีเฮ รับรองเกิดศึกชิงนายแน่ๆ”
“พี่หมอชาญอย่ากวนดิ คิมไม่รู้จักบ้านใหม่ผมซะหน่อย” ผมแย้ง
“เอา จริงๆ แกคิดเหรอว่าคิมเขาจะหาแกไม่เจอ บ้านรวยขนาดนั้นคิดว่าจะไม่มีเส้นสายหรือไง แค่หาบ้านคนไม่ยากหรอก คิดดูดิขนาดแบกน้องๆหมีอย่างแกมาไว้ที่คอนโดกลางเมือง โดยที่ไม่มีใครตามมาสืบหรือมาเจอแกเลย แบบนี้คิดว่าควรกลับบ้านรึเปล่า” ผมก็เลยแบบว่า เออพี่หมอชาญมันก็พูดจริงว่ะ ประเด็นก็คือแล้วผมจะไปอยู่ไหนล่ะ
“แล้วพี่หมอชาญจะให้ผมไปอยู่บ้านพี่หรือ ผมว่ามีความเสี่ยงที่จะเจอคิมได้ทุกเมื่อเลยนะ”
“ฮื่อ ไม่อ่ะถ้าคิมตามมาเจอ พี่ก็โดนฉีกอกเอาน่ะสิ ขนาดรักแกจะตายแกยังโดนขนาดซะยับเยินเลย” ประมาณว่าฟังผมเล่าแล้วก็ยังกลัวแทน
“แล้วจะให้ไปอยู่ไหนอ่ะ”
“ไป อยู่บ้านสวนยายพี่ละกัน ที่สมุทรสงคราม ติดแม่น้ำ อากาศดี อยู่สบาย ว่าแต่เราเหอะอยู่ได้รึเปล่า ออกจะพ่อแม่หวง แฟนก็ดูแลไม่ห่างเลย เดี๋ยวถูกยายพี่ใช้งานหนัก ร้องไห้หนีไปก่อนจะว่าไง” พอผมได้ยินที่ติดริมน้ำผมก็หูผึ่งแล้วครับ เพราะผมชอบที่ริมน้ำมาก ไอ้พี่หมอชาญยิ้มกวนๆ ดูมันดิกวนไม่เคยเปลี่ยน
“โห พี่หมอชาญ พูดอะไรแบบนั้นผมน่ะติดดินนะ ตอนเด็กๆผมชอบไปสวนผลไม้บ้านน้าที่นราธิวาสบ่อยจะตาย อยู่กับคิมผมก็ทำตัวธรรมดา แม้คิมจะดูแลผดีเกินก็เหอะ”
“ถ้า งั้นรีบไป เก็บของเลย ยิ่งช้ายิ่งเสี่ยง พี่ขับรถแบบแวนมาน่าจะขนของได้เยอะนะ เร็วๆเลย” ผมรีบไปเก็บของตัวเองทันที เอาที่คิดว่าต้องใช้ หลักฐานประจำตัวอะไรก็เอาไปด้วยเพื่อต้องใช้ ปกติผมเก็บของช้า แต่วันนั้นเก็บของเร็วมาก ของเยอะมากแต่เก็บเสร็จภายใน 45 นาที ตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่ลืมอะไรแน่ ก่อนจะไปผมรู้สึกว่าถ้าหายไปเฉยๆเดี๋ยวคิมจะคลั่งแน่ เขียนจดหมายไว้สักหน่อยดีกว่า ผมไม่อยากทำร้ายคิมให้ต้องเจ็บมากไปกว่านี้ ผมเขียนประมาณว่า
คิมสุดที่รัก
ถ้า คิมได้อ่านจดหมายของเราแล้ว แสดงว่าเราคงไม่อยู่ในห้องนี้แล้วล่ะ เราไม่ได้จะหนีจากคิมไปหรอกนะ อามแค่คิดว่าเรื่องที่เกิดระหว่างเราสองคน บางทีต่างฝ่ายอาจต้องการเวลาพัก ให้แต่ละฝ่ายได้คิดทบทวนบ้าง เพราะบางครั้งการที่อยู่คนเดียวอาจจะพิจารณาได้ถ้วนถี่มากกว่าเหมือนตอนที่ เราทำใจให้จิตสงบไง เราไม่สามารถให้ใครมาทำให้เราสงบได้หรอกนะ นอกจากตัวเราเองที่ต้องดูแลใจของตัวเราให้ดีๆ ที่ผ่านมาคิมรักเรามากเกินไป จนทำให้เรารู้สึกผิดที่ไม่ได้มีรักเดียวอย่างคิม คิมอย่าโทษตัวเองนะว่าเป็นเพราะคิมทำอะไรรุนแรงเลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาม หนีไป อามแค่อยากไปพักผ่อนให้สบายใจ คิมแน่ใจได้เลยว่าเราไม่ได้ไปอยู่กับนาวแน่นอน แต่เราไปอยู่ในที่ที่หนึ่งที่รับรองได้เลยว่า สงบและปลอดภัย เป็นที่ในแบบเราชอบ ถ้าเราพร้อมแล้วเราจะกลับมาหาคิมนะ เราสัญญา สิ่งหนึ่งที่อยากขอร้องคือคิมอย่าทำร้ายตัวเองนะ เพราะมันคงจะเป็นตราบาปสำหรับเรามากเลยถ้าคิมทำร้ายตัวเอง เราสัญญาว่าเราจะกลับมา ขอบคุณที่ดูแลเรามาตลอดตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน จนมาเป็นแฟนกันคิมก็ยังคงดูแลเราดีมากกว่าเดิม แม้เราจะถูกขังไว้ที่นี่ คิมก็ดูแลเราอย่างดี ชาตินี้อามคงหาใครที่ดีกว่าคิมไม่ได้อีก
อามรักคิม
อาม
พอ เขียนจบผมรู้สึกเศร้าใจมาก แทบจะร้องไห้ออกมา แต่รู้ว่าถ้าร้องไห้จะหมดแรงเดินไหว เลยต้องรีบข่มใจ วางจดหมายในที่ที่เห็นชัด แล้วรีบขนของออกมา พอได้ขึ้นรถพี่หมอชาญตอนที่ขับออกมาแล้ว จึงปล่อยโฮออกมายกใหญ่ เป็นมหกรรมการร้องไห้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตผม มันหลายอารมณ์ความรู้สึกมาก ทั้งเศร้าใจ ผิดหวังในตัวเอง คิดถึงเรื่องเก่าๆระหว่างคิมกับผม ถ้าไม่มีนาวอยู่ด้วยเราแทบไม่เคยห่างกันเลย เป็นห่วงคิม แล้วอีกสารพัดอารมณ์ ร้องไห้เหมือนน้ำตาจะท่วมรถได้อยู่แล้วมั้งครับ พี่หมอชาญต้องคอยปลอบเป็นระยะ ผมร้องไห้จนหลับคารถไปเลยครับ
พอตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองตื่นมาอยู่ในบ้านสวนของคุณยายพี่หมอชาญแล้วครับ ตอนมาถึงก็น่าจะประมาณช่วงบ่ายสองบ่ายสามได้แล้วครับ

พอ ผมลงจากรถ คุณยายท่านก็รออยู่แล้ว ผมคิดว่าพี่หมอชาญคงโทรบอกคุณยายตอนที่ผมหลับน่ะครับ คุณยายอัธยาศัยดีมาก ต้อนรับผมอย่างดียังกับเป็นหลานตัวเองจริงๆเลย คิดถึงคุณยายตัวเองจัง พี่หมอชาญบอกกับคุณยายว่า เหตุผลที่ต้องมาอยู่ที่นี่เพราะต้องการสัมผัสวิถีชีวิตแบบชุมชนชาวสวน เพื่อไปพัฒนาที่ดินของตัวเองในอนาคต แต่ก็เป็นเรื่องจริงนะครับ เพราะที่บ้านผมมีที่ดินในครอบครองที่รกร้างว่างเปล่าอยู่ ผมว่าเหมาะกับการทำเกษตรที่สุด มาอยู่ที่นี่ก็ดีเลยจะได้เก็บความรู้เยอะๆ แล้วสวนคุณยายก็อยู่ริมน้ำผมก็ชอบมากๆด้วย อยู่ที่นี่คงได้สงบจิตสงบใจเป็นอย่างดี
ตก เย็นคุณยายลงมือทำอาหารเอง เป็นอาหารพื้นบ้านที่รสชาติอร่อย ผมว่าอาหารพื้นบ้านเนี่ยไม่จำเป็นต้องปรุงรสชาติมาก แค่มีวัตถุดิบที่หาได้สดๆตามท้องถิ่นก็อร่อยแล้วครับ คุณยายบอกว่าดีใจที่ผมมาอยู่ด้วย เพราะปกติคุณยายอยู่คนเดียวแล้วก็มีคนงานในสวนที่เป็นคนเก่าคนแก่อยู่ด้วย ลูกๆหลานๆก็ออกไปทำงานข้างนอกหมด แต่คุณยายยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่ เพราะรักสวนแห่งนี้มาก เพราะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างคุณยายกับคุณตาที่เสียชีวิตไปแล้ว ฟังแล้วผมละซาบซึ้งจริงๆ เฮ่อแล้วผมละ คิดแล้วกลุ้ม
พี่ หมอชาญกลับหลัง ทานข้าวเสร็จเพราะพรุ่งนี้ต้องตรวจคนไข้แต่เช้า ผมคิดอะไรได้บางอย่าง เลยเขียนจดหมายถึงคิมและนาวเพราะกลัวจะว่าถ้าหายเงียบไปเลยเรื่องอาจบานปลาย มากกว่านี้ โดยให้พี่หมอชาญหย่อนจดหมายที่กรุงเทพแทนที่จะเป็นที่นี่เพราะจะได้ไม่รู้ ว่าปลายทางจริงๆคือที่ไหน และคืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ผมนอนคนเดียว ผมจำไม่ได้แล้วว่านอนคนเดียวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ และคืนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทนกับความเหงาเปล่าเปลี่ยวในค่ำคืนนี้ไปได้อย่างไร

ค่ำ คืนผมต้องนอนคน เดียว มันช่างอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย เมื่อไม่มีคิมหรือนาวมาอยู่แนบกาย การนอนคนเดียวมันทำให้ใจผมว้าวุ่นและยิ่งสับสนในความรู้สึกของตัวเองว่าอัน ที่จริงแล้วผมรักใครกันแน่ เพราะในตลอดคืนผมก็คิดถึงทั้งสองคนสลับกันไปมา จนแทบจะนอนไม่หลับ พอหลับก็เหมือนได้ยินเสียงของสองคนนี้ร้องเรียกชื่อผมสลับกันไปมา จนพลอยฝันเห็นว่าสองคนนั้นกำลังทำร้ายตัวเองเพราะเสียใจที่ผมหนีไปและไม่ ยอมอยู่กับใครสักคนหนึ่ง ที่สุดแล้วผมไม่ได้นอนทั้งคืนจนกลายเป็นหมีแพนด้าไปในบัดดล แต่โดนแบบนี้ซะบ้างก็ดี จะได้ไม่ต้องไปรักใครง่ายๆแล้วตัดใจไม่ลงแบบนี้อีก เฮ่อ
การ ที่ผมอยู่ในบ้านสวนคุณยาย ก็มีเรื่องสนุกให้ทำเยอะมาก เพราะได้ลองทำอะไรใหม่ๆที่เด็กในเมืองอย่างผมไม่เคยทำมาก่อน ตั้งแต่ขุดดิน เก็บผลไม้ รดน้ำต้นไม้ แปรรูปผลิตผลทางการเกษตร และที่ผมชอบมากคือการได้มีโอกาสใส่บาตรทางน้ำ ซึ่งปกติผมจะเห็นแต่ในละครไทยแนวพีเรียดซะมากกว่า ผู้คนในละแวกใกล้เคียงทั้งคนงานหรือเพื่อนบ้านทั้งหลายก็ใจดีกับผมมาก นอกจากนี้ผมยังได้มีโอกาสเป็นไกด์นำชมสวนของคุณยาย เพราะคุณยายทำโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์กับนักท่องเที่ยวทั้งหลาย คุณยายท่านก็ใจดี๊ ใจดีอุตส่าห์จ่ายค่าจ้างโดยหักจากเปอร์เซ็นต์จากตค่าบัตรเข้าชมสวนของนัก ท่องเที่ยว ผมพยายามปฏิเสธแล้วแต่คุณยายท่านก็ยืนยันว่าคนเราทำงานแล้วก็ต้องได้เงิน ผมเป็นเหมือนลูกหลาน ท่านไม่ปล่อยให้ผมทำงานฟรีๆหรอก โธ่คุณยายครับแค่ให้ที่พักพิงกับผมก็เป็นบุญคุณมากแล้วครับ
ใน ที่สุดเวลา ผ่านไปประมาณสองเดือนกว่า รู้สึกว่าอยู่ในช่วงเปิดเทอมใหม่ของพวกมัธยมปลายแล้วมั้ง ผมก็ยังเขียนจดหมายหาคิมกับนาวโดยฝากพี่หมอชาญส่งเป็นประจำแต่ผมก็ยังไม่มี ท่าทีว่าจะกลับไปเคลียร์ปัญหาให้มันจบๆซะที จนกระทั่งวันนึงมีคณะนักเรียน ม.ปลายคณะหนึ่งเดินทางมาทัศนศึกษาที่สวนคุณยาย ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็พบว่าโรงเรียนที่มาคือโรงเรียนที่นาวเรียนอยู่ ผมเลยป้องกันตัวไว้ก่อนโดยอ้างว่าไม่สบายกะทันหันและให้พี่อีกคนรับหน้าไป แทนก่อน แต่ก็ยังแอบมาดูห่างๆว่าจะมีนาวมาอยู่ในคณะนี้ด้วยรึเปล่า พอไม่มีก็โล่งใจแต่เพื่อความปลอดภัยผมคงต้องอู้งานไปก่อนเพราะอาจมีใคร รู้จักนาวก็ได้ ขอแอบกลับไปที่ห้องก่อนดีกว่า แต่ขณะที่ผมกำลังเดินกลับห้องเพราะก็รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกติดตาม พอหันกลับไปมอง ปรากฏว่าถูกตามจริง ซึ่งก็คือนาวนั่นเอง ผมตกใจวิ่งหนีไม่คิดชีวิต นาวก็วิ่งติดตามผมอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นผมเหมือนโจรหนีตำรวจยังไงยังงั้นเลย แต่ที่สุดแล้วเมื่อถึงที่ลับตาคนที่รกไปด้วยต้นไม้จนไม่มีใครกล้าเข้ามา เพราะถูกงูกัด นาวก็ตะครุบตัวผมไว้ได้จนลงไปกองไปกองกับพื้นทั้งคู่ นาวใช้ปากบบดขยี้จูบผมอย่างบ้าคลั่ง
“พี่อามทำไมทำแบบนี้ นาวจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วรู้มั้ย” นาวพูดจบก็ไซร้ตามเนื้อตัวผมไม่หยุดหย่อน
“นาวปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ อย่าทำแบบนี้”
“ไม่ พี่อามไม่รู้หรอกว่านาวคิดถึงพี่อามขนาดไหน นาวจะเป็นบ้าตายอยู่แล้วรู้มั้ย นาวได้แต่เอาจดหมายของพี่อามมาจูบก่อนนอนทุกคืน การที่เราไม่รู้ว่าคนที่เรารักหายไปไหน มันทรมานยิ่งกว่าตายอีกรู้มั้ย” เมื่อนาวพูดจบเสื้อผ้าท่อนล่างผมก็หายไปเรียบร้อยแล้ว แล้วนาวก็ใช้มือและปากจัดการท่อนลำของผมอย่างหื่นกระหาย ผมขัดขืนสุดกำลัง แต่ก็โดนนาวเอาตัวทับไว้ ตอนนั้นนาวแรงเยอะมากจริงๆผมสู้ไม่ไหว แบบนี้รึเปล่าที่เขาบอกว่าเวลาเกิดเหตุการณ์บางอย่างอาจทำให้คนเรามีพละ กำลังมหาศาล อย่างไฟไหม้แล้วยกโอ่งได้เป็นต้น ผมเองแม้ว่าไม่อยากทำแบบนี้แต่ก็อดเสียวกับนาวไปไม่ได้ ที่สุดแล้วผมก็เสร็จคาปากนาวและน้ำก็แตกออกมาอย่างมากมายเพราะไม่ได้ออกมา เลยตั้งแต่มาอยู่ที่สวนคุณยาย มันเลอะเทอะเปรอะเปื้อนทั้งปาก ทั้งหน้า ทั้งตาของนาวเต็มไปหมด นาวปาดน้ำกามที่เลอะเทอะทั้งหลายไปกินหมดจนเกลี้ยงโดยความหื่นกระหาย พอผมน้ำแตกผมก็หมดแรงขัดขืน นาวไม่รอช้ารีบเอาท่อนลำของตนออกมา มันผงาดออกมาอย่างน่ากลัวกว่าครั้งใดๆ นาวใช้น้ำลายป้ายที่หัวท่อนลำตัวเองและที่รูสวรรค์ผมก่อนจะเสียบเข้าไปอย่าง รวดเร็วและไม่บันยะบันยัง ผมสะดุ้งเฮือกเพราะไม่ได้โดนเสียบมานาน มันทั้งเจ็บทั้งเสียวในเวลาเดียวกัน แรงกระแทกของนาวทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผมสั่นไปหมดทั้งร่าง จนที่สุดแล้วนาวเองก็เสร็จสมอารมณ์หมายจนผมเองก็น้ำแตกไปอีกรอบ ผมรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีเลือดซึมออกมาด้วย นาวลงโน้มตัวลงมาซบผมทั้งๆที่เราสองคนกำลังเปลือยท่อนล่างอยู่ด้วยกันทั้ง คู่ แล้วก็เอาแต่ร้องไห้ แทนที่ผมจะโกรธ จะต่อว่านาว ผมกลับเอามือไปโอบกอดนาวเอาไว้ ผมเห็นนาวร้องไห้แล้วก็ใจอ่อนทุกที ที่สุดแล้วนาวกับผมก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วนาวก็จูบผมต่ออย่างหื่นกระหายเพราะ ขาดรสรักระหว่างกันไปนาน ผมพยายามปฏิเสธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถูกนาวโอบรัดเอาไว้ในอ้อมแขน ขณะที่ปากก็จูบผมไปอย่างไม่รู้จักจะพอได้ซะที

นาวจูบผมอยู่นานจนพอใจ ก็เข้ามากอดผมไว้ไม่ยอมปล่อยเลย
“พี่อามกลับบ้านกับนาวนะครับ” นาวใช้สายตาวิงวอนสุดๆ
“ไม่ได้หรอกพี่บอกคิมไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปหานาว อีกอย่างคุณยายเจ้าของสวนที่นี่ก็ดีกับพี่มาก จะให้หายไปเฉยๆคงไม่ได้หรอก”
“แต่นาวคิดถึงพี่อามทุกวันเลย พี่อามจะไม่เห็นใจน้องเลยเหรอ”
“คิดถึงอย่างเดียวไม่พอหรอก พี่ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองที่สัญญากับคิมไว้แล้ว อีกอย่างพี่เกรงใจคุณยายด้วย” ผมพยายามหาเหตุผล
“อะไรๆก็พี่คิมตลอด พี่อามไม่รักนาวแล้วใช่ไหม” นาวทำท่าจะร้องไห้อีกแล้ว เสียบผมซะจนสมใจแล้วยังจะมาบีบคั้นหัวใจผมอีก
“แล้ว มันไม่ใช่เพราะพี่ไม่ยอมทิ้งนาวหรอกเหรอ พี่ถึงโดนคิมเล่นงาน ถ้าพี่ไม่รักนาว ไม่เห็นใจนาว พี่ไปอยู่กับคิมไม่ดีกว่าเหรอ” พูดจบผมก็หันหน้าไปทางอื่นเพราะรู้สึกว่ากดดันเหลือเกิน จนไม่อยากมองให้นาวเห็น
“งั้นคืนนี้นาวขออยู่กับพี่อามทั้งคืนเลยได้มั้ย” นาวอ้อนวอนด้วยความน่าสงสาร แต่ผมไม่ใจอ่อนง่ายๆหรอก
“ไม่กลับไปกับที่โรงเรียนซะ” ผมรีบใส่กางเกงแล้วเดินหนีออกมาทันที นาวก็ตามไม่ลดละ พออกมาจากที่ตรงนั้นได้ ก็เจอคุณยายพอดี
“อามมาทำอะไรตรงนี้ละลูก รกจะตายเดี๋ยวก็โดนงูกัดหรอก” คุณยายถามด้วยความสงสัย
“เอ่อ คือว่า” ผมนึกอะไรไม่ออกเลยครับ แล้วก็มีเสียงแทรกพูดขึ้นมาว่า
“พี่อามเขาพาผมมาชมสวนให้ทั่วๆน่ะครับ” พูดจบนาวก็แนะนำตัวเองกับคุณยายเสร็จสรรพ ไม่เปิดโอกาสให้ผมพูดอะไรเลย
“อ้าว นี่น้องชายอามเหรอเนี่ย บังเอิญจังเลย ว่าแต่เย็นนี้ต้องรีบไปไหนต่ออีกรึเปล่า
“ไม่ล่ะครับว่าจะอยู่กับพี่อาม เพราะเราไม่ได้เจอกันนานมากเลย” นาวยิ้มกริ่ม แล้วผมก็ตกเป็นรองจนได้
“งั้นเย็นนี้อยู่ทานข้าวเย็นกันนะลูก จะค้างเลยก็ได้นะ อยู่กันหลายคนสนุกดี”
“จริงเหรอครับคุณยาย ดีมากเลยครับ” นาวยิ้มดีใจสุดขีด โอ้ยงานเข้าอีกแล้วกู



นาวรีบวิ่งเข้าไปบอก อาจารย์ที่คอยมาคุมว่าจะขอกลับกับพี่ชาย อาจารย์ก็ไม่ว่าอะไร เป็นอันว่าคืนนั้นนาวก็ได้ร่วมทานข้าวเย็นกับผมและคุณยาย นาวดูร่าเริงสุดขีดแต่ผมได้แต่นิ่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าคืนนี้จะเป็นอย่างไร บ้าง
เมื่อถึงเวลานอนผมตัดสินใจมานอนที่พื้นข้างล่าง เพราะไม่อยากนอนใกล้นาว เพราะกลัวว่าจะโดนอะไรอีก แรกๆดูเหมือนว่าจะดี ต่างคนต่างก็นอนหลับไป แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักนึง อยู่ๆนาวก็มามัดมือผมไพร่หลัง ผมตั้งตัวไม่ทันโดนนาวอุ้มขึ้นมาแล้วโยนลงไปที่เตียงดัง “พลั่ก”
“พี่อามนี่ตัวหนักนะเนี่ย กว่าจะอุ้มขึ้นมาได้แทบแย่”
“ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ” ผมไม่พอใจมาก
“เรื่องอะไรกว่าจะอุ้มขึ้นมาได้หนักจะตาย นาวจะเล่นรักกับพี่อามให้หายอยากไปเลย
“นาวพี่ขอละ อย่าทำกับพี่แบบนี้เลยนะ” ผมกลัวและกำลังจะร้องไห้
“ทำไมอ่ะ เวลาสองเดือนนี้ทำให้พี่อามลืมรสชาติระหว่างเราไปแล้วเหรอ”
“พี่สงสารคิม”
“งั้น ตอนนี้สงสารผมก่อนละกัน” พูดจบนาวก็บรรเลงเพลงรักต่อ ผมจำอะไรไม่ได้มากรู้แต่ว่าตัวเองน้ำแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เต็มไปด้วยความเสียวซ่านและเสียงครวญครางของเราสองคนตลอดคืน แม้ผมกำลังจะหลับแต่นาวก็ยังปฏิบัติการอยู่ เมื่อตื่นเช้ามาผมแอบตกใจที่ว่าเรานอนอยู่ในท่า 69 ผมนอนตามปกติ แต่ท่อนลำของผมนาวยังอมไว้คาปาก เหมือนว่ามันจะมีน้ำทิพย์ที่นาวต้องรองรับมันเอาไว้โดยไม่ให้หกหล่นแม้แต่ หยดเดียว ผมเห็นภาพนี้แล้วเหนื่อยใจว่านาวดูจะอาการหนักและหื่นกามขึ้นอีกมากมาย


ด้วยความที่ผมยังคง ถูกมัดไพล่หลังอยู่ เลยต้องใช้วิธีการขยับตัวไปมาเพื่อปลุกนาว พอนาวลื่มตาตื่นขึ้นมา อ้าปากออกจากท่อนลำผมแล้ว นาวก็ลุกขึ้นมาก่อนจะทิ้งตัวลงมากอดผมเหมือนจะไม่ให้ผมจากไปแน่น เพราะกอดรัดซะแน่นเหมือนผมกับเขาจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
“ปล่อยได้แล้ว พี่หายใจไม่ออก” นาวดูเหมือนจะไม่ฟัง ทันทีที่ผมอ้าปากพูด นาวก็บดขยี้ปากผมอย่างเร่าร้อนและเนิ่นนาน จากนั้นนาวก็กลับมากอดผมอีกแต่คลายวงแขนลงไปมาก ผมนึกว่าจะขาดอากาศตายซะแล้ว นาวพูดขึ้นมาว่า
“พี่อามกลับบ้านกับนาวเหอะ” นาวพูดเสียงวิงวอน
“ให้พี่อยู่ที่นี่เถอะ ไม่งั้นพี่จะผิดสัญญากับคิมที่ว่าจะไม่กลับไปหานาว”
“งั้นนาวจะมาหาพี่อามทุกอาทิตย์เลยนะครับ”
“อืม ได้สิ” ผมไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี นาวได้ยินแบบนี้ก็ดีใจมาก เข้ามาโอบกอดผมอีกเป็นเวลาเนิ่นนาน แต่คราวนี้แก้มัดผมด้วยแล้วก็ให้ผมโอบกอดเขาด้วยเช่นกัน นาวได้แต่พูดคำว่า “พี่อามของผม ผมรักพี่อาม” แต่ผมได้แต่นิ่งเงียบด้วยความเหนื่อยใจ
นาวอยู่ กับผมตลอดจนกลับไปในช่วงบ่าย ช่วงก่อนกลับไปนาวดูมีความสุขมากกกกกกกก แต่ผมกลับร้อนรุ่มไม่เป็นอันทำอะไรเลย หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จ ผมก็ออกมาเดินเล่นนอกบ้านเพื่อให้ใจสงบแก้อาการสับสนของตัวเอง ขณะที่ผมกำลังเดินเล่นอยู่ๆก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามา ผมมองไม่ชัดเพราะแสงไฟหน้ารถแยงตา คนขับลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะช่วงนั้นเริ่มค่ำแล้ว แต่เมื่อเขาเดินมาใกล้ๆผม Shock สุดขีด เพราะคนที่เดินเข้ามาก็คือคิมนั่นเอง คิมมาได้ไงผมงงไปหมดแล้ว
“อามจริงๆด้วย” คิมเข้ามากอดผมไว้ซะแน่น ต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นผมไม่รู้ เพราะผมเป็นลมไปแล้ว


ตื่นมาอีกทีผมก็ รู้สึกตัวว่านอนอยู่ในห้องแล้ว แต่ไม่ได้นอนอยู่คนเดียวมีอะไรสักอย่างหนักๆมาทับตัวผมอยู่ ดูอีกทีก็คือคิมนั่นเองที่นอนกอดผมไว้อยู่ เมื่อผมตื่นก็เป็นธรรมดาที่จะขยับเขยื้อนตัวเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ แต่คิมก็ตื่นขึ้นมาด้วย พร้อมๆกับพูดว่า
“ตื่นแล้วหรื่อครับที่รัก” พูดจบก็โผเข้ามากอดผมอีก แต่ผมได้แต่นิ่งอึ้งและเงียบไปพักใหญ่ จนคิมสังเกตได้
“อามเป็นอะไรทำไมเงียบจัง”
“คิม เราขอโทษนะ เรากลัวแล้วก็สับสนไปหมดแล้ว”
“เรา ขอโทษนะ เราทำให้อามกลัวใช่มั้ย เราไม่จะไม่ทำอย่างนั้นแล้วนะ ตอนที่อามไม่อยู่กับเรา เราทรมานแทบตายเราจะไม่ทำอะไรให้อามหนีเราไปอีกแล้ว เราขอโทษนะ” พูดจบก็มาหอมแก้มผมแล้วก็ซอกคอ โอ้คิมคนเดิมของผมกลับมาแล้ว
“ที่เรางงคือคิมตามเรามาถูกได้ไง”
“คือ มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ เราไม่เคยเล่าให้อามฟังล่ะสิ ว่าเราจบมัธยมมาจากที่เดียวกับน้องนาว แล้วก็มีรุ่นพี่คนนึงที่จบที่เดียวกับคิมซึ่งสนิทกันมาฝึกสอนอยู่ที่นี่ด้วย เขาโทรมาบอกคิมว่าเหมือนเห็นแฟนคิมมาอยู่ที่นี่ เพราะคิมเล่าให้เขาฟังว่าแฟนตัวเองหายไป เรารู้ก็แทบจะเหาะมาเลยรู้มั้ย” ผมรู้สึกว่าทำไมชีวิตกูมันช่างนิยายชะมัด เล่าไปคนต้องมีคนบอกว่าไม่จริงชัวร์ๆ ทำไมชีวิตผมต้องเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยเลย
“แล้วคุณยายอ่ะ” ผมนึกถึงคุณยายขึ้นมาได้พอดี
“ไป นอนแล้วล่ะ บอกคิมให้ดูแลอามดีๆด้วย ว่าแต่น้องนาวมาที่นี่ด้วยใช่ไหม” ผมก็พยักหน้าแต่ก็อธิบายบอกว่าผมไม่ได้ชวนนาวมานะ แต่เขามาของเขาเอง
“เรา ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่น้อยใจที่นาวตามอามเจอก่อน เราคิดถึงอามมากเลยรู้มั้ย” คำพูดคิมช่วงท้ายดูขาดห้วง เป็นเสียงเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ แต่คิมกลั้นมันเอาไว้ ผมเลยเข้าไปโผกอดคิม
“เราก็คิดถึงคิมเหมือนกัน เราขอโทษด้วยที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ เราแค่ไม่อยากทำร้ายคิมแล้วแค่นั้นเอง”
“อามอย่า หนีเราไปอีกเลยนะ เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอาม เราจะเป็นที่สองรองจากน้องนาวก็ได้ แต่อามอย่าทิ้งเรานะ เราทนไม่ได้จริงๆ” คำพูดคิมคำนี้มันเสียดแทงไปในใจผม ปกติแล้วผมไม่ชอบคนที่ชอบคบใครมากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกัน แต่ตอนนี้ผมกลับทำซะเอง ผมก็เลยสับสนและรังเกียจตัวเองเหลือเกิน
“ไม่เอาคิม ไม่พูดอย่างนั้น” ผมไม่อยากให้คิมลดค่าของตัวเองมาขนาดนี้
“พูด แบบนี้อามจะทิ้งเราจริงๆเหรอ อามฆ่าคิมให้ตายดีกว่า เราทนไม่ได้จริงๆนะ” คิมกำลังจะร้องไห้จริงๆ ผมจะบ้าตายแล้วครับ จะอธิบายก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาในเวลานั้น ผมก็เลยตัดสินใจจูบคิม คิมจูบตอบผมอย่างหื่นกระหาย และต่อจากนั้นเราก็บรรเลงเพลงสวาทตลอดคืน อย่างเร่าร้อนสลับกับแผ่วเบา คืนนั้นผมมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถูกคิมกลืนกินไปทั้งตัว เพราะไม่มีส่วนไหนในร่างกายผมที่ไม่ถูกปากและลิ้นของคิมในการขบกัดอย่างเบาๆ และโดนเลียไล้ไปทั่วทั้งตัว ตอนนั้นเหมือนผมจะเหือดแห้งไปทั้งตัว คืนก่อนก็โดนนาวเล่นทั้งคืน คืนนี้ก็มีคิมคอยปรนเปรอ น้ำกามของผมมันหายไปหมดเลย ผมเหนื่อยจนหลับแต่คิมยังบรรเลงเพลงรักต่อไป ไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่
ผมตื่นมาอีกครั้ง เพราะโดนแสงแดดส่องเข้าตา เลยเห็นคิมเอาหน้าซุกไซร้กับอกผมอยู่ คิมยิ้มกริ่มมีความสุข แดดที่ส่องหน้าเขา ทำให้เขาช่างดูน่าหลงใหล คิมผมยาวขึ้นมากดูท่าว่าสองเดื่อนที่หาผมไม่เจอเขาจะไม่ตัดผมเลย เป็นเพราะผมใช่มั้ยเนี่ยที่ทำให้เขาไม่สนใจจะดูแลตัวเอง ผมปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา เพื่อจะไปใส่บาตรพร้อมกับคุณยาย วันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขมากอีกวันเพราะไม่ได้ใส่บาตรกับคิมนานแล้ว แต่ที่ผมแปลกใจคือคิมดูสงบและเยือกเย็นลงมาก ปกติเขาเป็นใจร้อน แต่รอยยิ้มของเขาที่ปรากฏบนใบหน้าทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง บางอย่างจริงๆ


ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น คิมก็อยู่กับผมโดยตลอด คราวนี้คิมติดผมมากยังกับพ่อหมีลูกหมี (ใครเป็นพ่อเป็นลูกคิดเอาเอง) แต่ช่วงที่อยู่ด้วยกันสองวันแร ผมขอคิมพักเรื่องบนเตียงก่อนเพราะไม่ไหวแล้ว มันปวดเมื่อยไปหมดเลยทั้งตัว แต่คิมก็ยังไม่วาย เดี๋ยวจูบๆผมตลอดจนผมละกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเขา แม้ว่าคิมจะมีความสุขแต่ผมกลับมีความกังวลว่าเดี๋ยวปลายสัปดาห์นี้นาวก็ต้อง มา และไม่ต้องรอนานนาวก็มาจริงๆ แถมมาตั้งแต่เช้าโดยที่คิมยังนอนกอดผมอยู่ด้วย (ดีนะที่วันนั้นไม่ได้เปลือยเปล่า) ในขณะนั้นเราทั้งสามคนต่างก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปตามๆกัน บรรยากาศมันดูอึดอัดมาก (สมัยนี้ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าน่าจะเรียกว่า บรรยากาศแบบมาคุๆ) จนคุณยายยังทักเลยว่าเป็นอะไรกันไป ผมเองก็ตอบแถไปตามเรื่อง จนถึงจุดมาคุครั้งสำคัญเมื่อตอนกลางคืน เพราะเราสามคนต้องนอนในห้องเดียวกัน ปัญหาคือต่างคนต่างก็ไม่รู้จะนอนกันตรงไหน ผมเลยตัดสินใจนอนที่พื้น สองคนนั้นเลยต่างคนต่างไปนอนที่พื้นโดยแยกกันไปคนละมุม ตอนแรกคิดว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่ว่า... ผมรู้สึกได้ว่ามีคนมากอดผมจากด้านหลังแล้วก็รัดแน่นมาก
“คืนนี้นาวจัง เราขอนอนกอดอามนะ” คิมนั่นเอง ผมพยายามห้ามแล้วแต่คิมรัดผมแน่นมากซะจนทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยคิมไปเพราะถ้าพูดดังก็กลัวนาวจะได้ยิน แต่ไม่ต้องรอนานหรอกครับ นาวก็เขามาหาผมเหมือนกัน โดยนาวดึงแขนของผมที่ยังว่างอยู่ออกมาแล้วก็มาหนุนแทนหมอนแล้วกลิ้งไปกลิ้ง มา ก่อนจะมาซบลงที่ใกล้กับหน้าผมแล้วพูดว่า
“ให้นาวอยู่ใกล้ๆพี่อามนะ ครับ พูดจบก็ซุกหน้านอนลงไปโดยสงบ สองคนนั้นหลับปุ๋ย แต่ผมกำลังจะเป็นบ้าตายด้วยความสับสน ประเด็นก็คือ คิมมาป่วนเปี้ยนที่เป้าผมเลย แถมถอดกางเกงแล้วก็รูดท่อนลำขึ้นลงเลย ผมพยายามอามือปัดแล้วแต่ไม่ได้ผม ผมไม่อยากให้น้องเห็น แต่ไม่ทันแล้วครับ นาวรู้สึกได้ว่าผมขยับตัว แล้วการกระทำก็ไวกว่าความคิดนาวทำสิ่งที่ผมตกใจมากคือมือหนึ่งก็รัดผมไว้ อีกมือก็เอาไปเล่นก็ท่อนลำผม กลายเป็นคู่แข่งทั้งสองคนกลายมาเป็นพันธมิตรทางเซ็กส์ คือต่างคนต่างใช้มือคนละข้างโอบรัดผม มืออีกคนละข้างก็เล่นกับท่อนลำและพวงสวรรค์ของผมอย่างเมามัน
“ทั้งสอง คนหยุดเดี๋ยวนี้นะ ไอ้บ้าเอ้ย” ผมพยายามร้องห้ามแต่เหมือนทั้งสองคนเข้าขั้นหน้ามืดขนาดหนักต่างคนต่างเร่ง มือของตัวเองเพื่อให้ผมถึงเส้นชัย ต่างคนต่างระดมจูบ ระดับไซร้ผมอย่างไม่มียั้ง ที่สุดแล้วผมก็น้ำแตกคามือของคนทั้งคู่ ที่ผมตะลึงก็คือต่างคนต่างก็เอาปาดน้ำของผมมาไว้ในมือ แล้วเอาขึ้นมาเลียกินไปจนหมด ผมทั้งตกใจและรู้สึกร้อนผ่าวในเวลาเดียวกัน เมื่อเสร็จกิจต่างคนต่างโอบรัดผมไว้แน่น เหมือนเราสามคนกลายเป็นแซนวิช ที่มีสองคนนั้นเป็นขนมปังชิ้นใหญ่ๆที่กำลังเบียดแฮมอย่างผมเอาไว้อย่างแน่น หนา ผมอึดอัดมาก จนต้องร้องว่าให้คลายวงแขนลงหน่อย แม้ว่าสองคนนั้นจะคลายวงแขนลง แต่ต่างคนก็ไม่ยอมปล่อยผมเลย และท่อนลำของผมแทบจะพ่นน้ำรักออกมาตลอดทั้งคืน จนผมแทบจะขาดใจตาย


เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเบียดแบบแทบเอาเป็นเอาตาย คิมประกบหลังนาวประกบหน้า ต่างคนต่างโอบรัดผมไว้อย่างแน่นหนา ยังกับนักโทษเลย จนผมต้องบอกว่า
“ปล่อยเหอะ เช้าแล้วจะไปใส่บาตร” สิ่งที่ทำให้ผมตกใจกว่าก็คือ สองคนนี้กลับไม่ได้ปล่อยผม แต่มองกันไปมองกันมา แล้วโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำใด ผมก็โดนสองคนนี้เปลื้องผ้าจนล่อนจ้อน
“เฮ้ยทำอะไรอ่ะ พอเหอะเมื่อคืนนี้แทบตายแล้วนะ ยังไม่พออีกเหรอ”
“เปล่านะ คิมจะพาอามไปอาบน้ำต่างหาก” คิมยิ้มกริ่ม
“ใช่ๆๆ อาบน้ำๆ พี่อามจะได้สบายตัวไง” นาวดูท่าทางเจ้าเล่ห์กว่ามาก ผมยังไม่ทันจะตอบโต้อะไร ก็โดนสองคนนี้ลากเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ผมพยายามบ่ายเบี่ยงและหนีออกมา แต่ก็โดนสองคนนี้ล็อกเอาไว้
“พี่อามอย่า ขัดขืนดิ เดี๋ยวไปใส่บาตรไม่ทัน คุณยายจะสงสัยเอานะ ว่าสามคนเนี่ยหายไปไหนกัน” นาวพูดดักทางผมจนผมต้องยอม ห้องน้ำในห้องที่ผมนอนไม่มีฝักบัว มีแต่ขันตักอาบ นาวเป็นตักน้ำมารดตัวผม จากนั้นคิมก็เอาสบู่เหลวมาใส่มือแล้วลูบไล้ตามตัวผม ผมดิ้นหนีแต่ก็ถูกนาวล็อกเอาไว้จากด้านหลัง นาวไซร้ไปที่หลังใบหูและตามซอกคอผม คิมก็ใช้มือลูบไล้ไปตามตัวผม แล้วจัดการดูดผมอย่างแทบเป็นแทบตาย ที่สุดแล้วนาวก็ล็อกผมไว้ให้คิมได้ใช้ปากเล่นกับท่อนลำของผม แล้วสองคนนี้เขาก็เปลี่ยนกันมาเป็นคิมที่เข้ามาล็อกตัวแล้วให้นาวได้ใช้ปาก กับท่อนลำผมบ้าง ผมได้แต่ดิ้นไปดิ้นมา จนที่สุดแล้วพอผมใกล้จะกระฉูดออกมาอีกรอบ ทั้งสองคนก็ยืนขึ้นมาโอบผมไว้จากด้านหลัง ต่างคนก็เอามือหนึ่งโอบผมไว้ อีกมือหนึ่งก็ช่วยกันให้ท่อนลำของผมให้ถึงจุดหมาย พอใกล้ถึงขีดสุด ทั้งสองคนก็เอาผมผิงไว้กับผนังให้ห้องน้ำ ต่างคนต่างคุกเข่าลงแล้วก็ใช้ปากของตน ปากสองปากต่างดูดเลียท่อนลำแท่งเดียวอย่างหื่นกระหาย จนที่สุดแล้วน้ำกามผมก็พุ่งกระฉูดไปที่หน้าของทั้งสองคนจนเลอะเทอะไปหมด แต่ต่างคนต่างก็ยังดูดท่อนเลียท่อนลำของผมต่อไปจนมั่นใจว่ามันแห้งสนิท ต่างคนต่างก็ปาดน้ำกามที่เลอะหน้าของตนเข้าไปยังลิ้นของตน ผมหมดแรงทรุดฮวบลงมาตรงกลางระหว่างคนสองคน สองคนนี้ก็เข้ามระดมจูบผมไม่ยั้ง จนอารมณ์ของผมแตกกระเจิงไปหมดแล้ว จากนั้นคิมก็เอาน้ำมาล้างตัวผมอีกที แล้วช่วยกันลากผมออกมาแต่งตัว ตอนที่ออกมาใส่บาตรกัน สองคนนั้นต้องช่วยประคองผมออกมาจากห้อง จนคุณยายถามว่าผมเป็นอะไร ผมก็บอกว่าไม่สบาย
“ยายใช้งานอามหนักไปรึเปล่าลูก” คุณยายสงสัย
“เปล่าครับ ไม่ใช่นะครับ” ผมรีบปฏิเสธ
“อ๋อพอดีว่าอามเขาคิดถึงบ้านแล้วน่ะครับ” คิมรีบตอบทันควัน เป็นการส่งสัญญาณมาที่ผมว่า ผมต้องกลับไปชดเชยความผิดที่หนีมาได้แล้ว
“อ้าว เหรอ อืมอามก็อยู่นี่นานแล้วนะ ที่บ้านคงเป็นห่วงแล้ว จะกลับวันไหนบอก เดี๋ยวยายจะทำอาหารสุดฝีมือเลี้ยงส่งเลยดีมั้ย” แม้ว่าคุณยายดูรื่นเริง แต่เหมือนท่านจะใจหายเหมือนกัน
“ดีเลยครับคุณยาย” นาวยิ้มกริ่มแล้วตาที่มองมายังผมก็เหมือนจะกินผมได้ทั้งตัว น่ากลัวจริงๆ
“ไป ใส่บาตรกันเถอะลูก สายแล้วนะ” คุณยายเร่งพวกเรา ผมเองลำบากที่สุดเพราะแทบจะหมดแรง พอมาถึงที่ท่าน้ำ แรงจะตักข้าวยังไม่มีเลยครับ สองคนนั้นเลยได้ทีร่วมกันกุมมือผมไว้ แล้วตักข้าวร่วมกัน ในสักษณะที่มือผมอยู่ใต้มือเขาทั้งสองคน ตายแล้วแบบนี้ก็โดนข่มนี่หว่า แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ครับ ตายแน่ๆเลยกู พอกรวดน้ำสองคนนี้ก็กุมมือผมไว้อีก สรุปคือหนีไปไหนไม่ได้เลย ยังดีที่คุณยายไม่ทันสังเกต ไม่งั้นคงงงว่าไอ้สามคนนี้มันจะกุมมืออะไรกันหนักหนา ต่อจากนั้นคุณยายก็บอกให้ผมไปพักผ่อน เพราะดูท่าแล้วถ้ายังทำงานอาจอาการแย่กว่านี้ แต่ผมกลัวมากว่าถ้ากลับไปนอน อาจจะไม่ได้นอนมากกว่า พอถึงที่ห้องผมพูดเลยว่า อย่าทำอะไรผมเลยผมกลัวแล้ว แรงก็ไม่มี คิมกับนาวคงจะเข้าใจ เลยไม่ได้รุมปรนเปรอผมต่อ แต่ทั้งสองก็เข้ามานอนกอดผมไว้ คิมโอบผมจากทางด้านหลัง ส่วนนาวก็มาก็กอดผมจากข้างหน้า ผมหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ภายใต้อ้อมกอดจากทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน

No comments:

Post a Comment

LinkWithin

Related Posts with Thumbnails

Like Box

Comments.